รถถังที่ดีที่สุด 5 รุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ฉบับการทูตและการทหาร

ในบทความนี้เราจะมาจัดอันดับรถถังที่ดีที่สุด 5 รุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง ตามเกณฑ์และความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ เน้นย้ำว่าบทความนี้มีไว้อ่านขำๆ ปกติการจัดอันดับประเภทนี้ไม่ควรยึดถือเป็นสรณะมากนัก เพราะทุกคนมีเกณฑ์และความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

อันดับ 5 รถถัง Panzerkampfwagen III (เยอรมนี)

ภาพรถถัง Panzer III Ausf. L ในงาน TankFest 2017 ที่พิพิธภัณฑ์รถถังโบวิงตัน ประเทศอังกฤษ
(Alan Wilson/ Flickr)

รถถังกลาง Panzer III เป็นม้างานหลักของกองทัพเยอรมันในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่สอง ถูกผลิตออกมาประมาณ 5,800 คัน (ไม่รวมที่นำไปดัดแปลงเป็นปืนใหญ่อัตตาจร) Panzer III ออกแบบมาใช้ต่อสู้รถถังด้วยกันเป็นหลัก รุ่นแรกๆติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 37 มิลลิเมตร ซึ่งใช้งานได้ดีระหว่างการบุกโปแลนด์ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับรถถังอังกฤษและฝรั่งเศสที่มีเกราะหนาเช่นรถถัง Matilda II และ Char B1 ก็พบว่าปืนใหญ่ขนาด 37 มิลลิเมตรนั้นไม่เพียงพอ ในรุ่นหลังๆจึงมีการอัพเกรดเป็นปืนใหญ่ขนาด 50 มิลลิเมตร ส่งผลให้รถถังเยอรมันได้เปรียบรถถังอังกฤษในแอฟริกาเหนืออยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งเยอรมันเริ่มเผชิญหน้ากับรถถังรุ่นใหม่ๆเช่น T-34/76, KV-1 ของสหภาพโซเวียต, M3 Lee/Grant และ M4 Sherman ของสหรัฐฯ ก็พบว่าปืนใหญ่ขนาด 50 มิลลิเมตรไม่พอใช้อีกเช่นกัน แต่ทว่าป้อมปืนของ Panzer III ไม่สามารถรองรับปืนขนาดใหญ่กว่านั้นได้แล้ว บทบาทการเป็นม้างานหลักจึงถูกโอนให้ Panzer IV แทน แต่ Panzer III ก็ยังมีบทบาทสำคัญอยู่คือการนำตัวรถไปดัดแปลงเป็นปืนใหญ่อัตตาจรเช่น StuG III

อันดับ 4 รถถัง T-34 (สหภาพโซเวียต)

ภาพรถถัง T-34/85 (Cezary Piwowarski/ Wikimedia Commons)

หลายคนมองว่ารถถังกลาง T-34 มีประสิทธิภาพไม่ดี โดยนำไปเทียบกับรถถัง Tiger I ซึ่งเป็นรถถังหนัก แต่ความจริงรถถัง T-34/76 ติดปืนใหญ่ขนาด 76 มิลลิเมตร มีประสิทธิภาพดีกว่ารถถังเยอรมันทุกรุ่นในปี ค.ศ.1941 ถึงปลายปี ค.ศ.1942 ต่อมาเมื่อเยอรมนีนำรถถังรุ่นใหม่เช่น Panther และ Tiger I ออกมาใช้ รถถัง T-34 ก็ได้รับการอัพเกรดติดปืนใหญ่ขนาด 85 มิลลิเมตร (T-34/85) ซึ่งสามารถเจาะเกราะด้านหน้าของรถถัง Tiger I ได้ที่ระยะ 500 เมตร รถถัง T-34 ผลิตและดูแลรักษาง่าย ตลอดสงครามถูกผลิตออกมามากถึง 60,000 คัน แต่เพราะจุดอ่อนเรื่องระบบสื่อสารและความคับแคบภายในตัวรถ ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานและความอยู่รอดของพลประจำรถ ผมจึงจัดรถถัง T-34 ไว้อันดับ 4

อันดับ 3 รถถัง Panzerkampfwagen V Panther (เยอรมนี)

ภาพรถถัง Panzer V Panther ตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์รถถังโบวิงตัน ประเทศอังกฤษ
(Paul Hermans/ Wikimedia Commons)

ถ้าใช้เกณฑ์ของตะวันตก รถถัง Panther ควรจะถูกจัดเป็นรถถังหนัก แต่เนื่องจากกองทัพเยอรมันจัดประเภทของอาวุธตามลักษณะการใช้งาน รถถัง Panther จึงกลายเป็นรถถังกลางแทน รถถังรุ่นนี้ออกแบบโดยใช้คุณลักษณะหลายอย่างจากรถถัง T-34/76 ของสหภาพโซเวียต เช่นสายพานกว้างและเกราะลาดเอียง รถถัง Panther ออกรบครั้งแรกในสมรภูมิคูร์สในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ.1943 ทั้งที่ยังไม่พร้อม ส่งผลให้มีรถถังประสบปัญหาขัดข้องจำนวนมาก ไม่สามารถทำการรบได้ เมื่อปัญหาส่วนใหญ่ได้รับการแก้ไขแล้ว (รถถัง Panther ยังต้องการการบำรุงรักษาสูงจนสิ้นสุดสงคราม) รถถัง Panther ก็กลายเป็นรถถังที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง ความคล่องตัวสูง หุ้มเกราะหนา ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 75 มิลลิเมตรลำกล้องยาว สามารถเจาะเกราะรถถังฝ่ายสัมพันธมิตรเกือบทุกรุ่นได้จากระยะไกล ที่สำคัญคือผลิตง่าย ราคาไม่แพง เยอรมันสามารถผลิตรถถัง Panther ออกมาได้ถึง 6,000 คันภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ในขณะที่รถถัง Tiger I มีความซับซ้อนและราคาแพงกว่ามาก ถูกผลิตออกมาเพียง 1,347 คัน

อันดับ 2 รถถัง M4 Sherman (สหรัฐฯ)

ภาพรถถัง M4 Sherman (Joost J. Bakker/ Wikimedia Commons)

รถถังกลาง M4 Sherman เข้าประจำการในปี ค.ศ.1942 ตลอดสงครามโลกครั้งที่สองถูกผลิตออกมาเกือบ 50,000 คัน ตรงกันข้ามกับความเชื่อของหลายคนที่ว่ารถถัง M4 Sherman ประสิทธิภาพไม่ดี เพราะถูกนำไปเทียบกับรถถังหนักเช่น Tiger I รถถัง M4 Sherman รุ่นแรกๆซึ่งออกแบบมาสนับสนุนทหารราบ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับรถถัง Panzer IV รุ่นติดปืนใหญ่ 75 มิลลิเมตรลำกล้องยาวเลยทีเดียว และเมื่อรถถัง M4 Sherman ได้รับการอัพเกรดอาวุธในช่วงปลายสงครามเช่นรถถัง Sherman Firefly ของอังกฤษ และรถถัง M4A3E8 หรือ Easy Eight ของสหรัฐฯ ก็สามารถต่อกรกับรถถัง Panther และ Tiger I ได้สบาย จะเห็นได้ว่ารถถัง M4 Sherman ความจริงไม่ได้ด้อยกว่ารถถังเยอรมันแบบที่เข้าใจกัน ที่สำคัญคือผลิตง่าย ผลิตออกมาได้จำนวนมาก และบำรุงรักษาง่าย ใช้งานได้ในทุกสมรภูมิทั้งทะเลทรายในแอฟริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก แนวรบด้านตะวันออกของสหภาพโซเวียต ไปจนถึงหมู่เกาะแปซิฟิก (ในสงครามโลกครั้งที่สองมีเพียงรถถัง M4 Sherman ของสหรัฐฯและรถถัง Valentine ของอังกฤษที่ถูกใช้งานในทุกสมรภูมิ)

อันดับ 1 รถถัง Panzerkampfwagen IV (เยอรมนี)

ภาพรถถัง Panzer IV Ausf. G ตั้งแสดงที่ Park Patriot รัสเซีย (Alan Wilson/ Flickr)

รถถังกลาง Panzer IV เป็นม้างานหลักคู่กับรถถัง Panzer III ในสงครามสายฟ้าแลบของเยอรมนีมาตั้งแต่ต้น เดิมออกแบบมาใช้ในภารกิจสนับสนุนทหารราบ ติดปืนใหญ่ขนาด 75 มิลลิเมตรแบบลำกล้องสั้น แต่เมื่อถึงช่วงกลางสงคราม เมื่อ Panzer III ไม่สามารถต่อกรกับรถถังรุ่นใหม่ของฝ่ายสัมพันธมิตรเช่นรถถัง T-34/76, KV-1 ของสหภาพโซเวียต, M3 Lee/Grant และ M4 Sherman ของสหรัฐฯได้แล้ว Panzer IV ก็ได้รับการอัพเกรดติดปืนใหญ่ขนาด 75 มิลลิเมตร ลำกล้องยาว สำหรับต่อสู้รถถังแทน ซึ่ง Panzer IV ก็สามารถรับหน้าที่ใหม่ได้ดี แม้จะไม่ได้ออกแบบไว้แต่แรกก็ตาม เป็นม้างานหลักของเยอรมนีจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ถูกผลิตออกมาประมาณ 8,600 คัน เป็นรถถังเยอรมันที่ถูกผลิตออกมามากที่สุดและเป็นยานเกราะที่ผลิตออกมามากที่สุดอันดับสามของเยอรมัน รองจากปืนใหญ่อัตตาจร StuG III (ผลิตออกมาประมาณ 10,000 คัน) และรถกึ่งสายพาน Sd.Kfz.251 (ผลิตออกมาประมาณ 15,000 คัน) การที่ Panzer IV เป็นม้างานหลักของกองทัพเยอรมันตลอดสงคราม รับมือภารกิจได้ทุกรูปแบบ จึงควรจัดให้เป็นรถถังที่ดีที่สุดอันดับ 1 ในสงครามโลกครั้งที่สอง

แล้วผู้อ่านล่ะ คิดว่ารถถังรุ่นไหนดีที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง ?

สวัสดี

03.06.2020

แสดงความคิดเห็น