ในช่วงปลายของการกบฏซัตสึมะ (Satsuma Rebellion) ในปี ค.ศ.1877 ซึ่งกลุ่มซามูไรนำโดยไซโก ทากาโมริ (Saigo Takamori) ลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลเมจิใหม่ (รัฐบาลขององค์พระจักรพรรดิ) ในสมัยเมจิ ฝ่ายซามูไรเหลือกำลังพลเพียง 500 คน ถอยร่นไปตั้งมั่นที่ภูเขาชิโรยามะ (Shiroyama) ในจังหวัดคาโกชิมะ (Kagoshima) บนเกาะคิวชู (Kyushu) กองทัพของสมเด็จพระจักรพรรดิภายใต้บังคับบัญชาของนายพลยามากาตะ อาริโตโมะ (Yamagata Aritomo) ซึ่งมีกำลังถึง 30,000 นายเคลื่อนพลเข้าปิดล้อมที่มั่นของกลุ่มซามูไร แล้วใช้ปืนใหญ่และเรือรบ 5 ลำ ยิงปูพรมถล่มด้วยกระสุนปืนใหญ่กว่า 7,000 นัด ก่อนจะบุกเข้าตีในช่วงเช้ามืด วันที่ 24 กันยายน ปี ค.ศ.1877
แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีกำลังพลมากกว่าถึง 60 ต่อ 1 รวมถึงมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยกว่ามาก แต่ฝ่ายซามูไรกลับไม่ยอมแพ้ บุกเข้าหากองทหารพระจักรพรรดิ ซามูไรบางส่วนถูกยิงเสียชีวิตก่อนจะเข้าถึงแนวฝ่ายตรงข้าม แต่ทันทีที่ซามูไรเข้าประชิดทหารพระจักรพรรดิได้ ก็อาศัยความชำนาญในการต่อสู้ระยะประชิดด้วยดาบพลิกสถานการณ์ได้ สังหารทหารพระจักรพรรดิได้หลายพันนาย อย่างไรก็ตามกองทัพพระจักรพรรดิก็อาศัยกำลังพลที่มากกว่าค่อยๆลดทอนกำลังฝั่งซามูไร จนกระทั่งเวลาประมาณ 6 โมงเช้ามีซามูไรเหลืออยู่เพียง 40 คน ไซโก ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส คิดว่าไม่อาจสู้ต่อไปได้แล้ว เขาจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการคว้านท้องหรือเซ็ปปุกุ (Seppuku) จากนั้นซามูไรที่เหลือทั้ง 40 คนก็ชาร์จเข้าใส่แนวของทหารพระจักรพรรดิ ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด เป็นการปิดฉากกบฏซัตสึมะหรือกบฏซามูไร ต่อมาจักรพรรดิเมจิทรงอภัยโทษให้ไซโกในปี ค.ศ.1889
การยืนหยัดครั้งสุดท้ายของซามูไร 500 คนในสมรภูมิชิโรยามะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai มหาบุรุษซามูไร ในปี ค.ศ.2003 นำแสดงโดยทอม ครูซ (Tom Cruise) และเคน วาตานาเบะ (Ken Watanabe)
สวัสดี
11.06.2020
หมายเหตุ: ในกรณีที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์สั่งซื้อสินค้าจาก Amazon ผ่าน Affiliate Link ที่ปรากฏด้านล่าง ผมจะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการขายด้วย โดยผู้เข้าชมเว็บไซต์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด
หนังสือเกี่ยวกับไซโก ทากาโมริและสมรภูมิชิโรยามะ
