รถถังถูกนำมาใช้งานเป็นครั้งแรกโดยอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 กันยายน ปี ค.ศ.1916 ระหว่างสมรภูมิลุ่มแม่น้ำซอมม์ ในสงครามโลกครั้งที่ 1 สมัยนั้นยังไม่มีใครรู้ว่ารถถังควรมีหน้าตาเป็นอย่างไร ประเทศต่างๆเพียงแต่ต้องการยานพาหนะหุ้มเกราะสำหรับนำทหารราบฝ่าแนวรั้วลวดหนามและสิ่งกีดขวางอื่นๆในเขตปลอดทหาร รวมถึงติดอาวุธเพียงพอสำหรับทำลายรังปืนกลของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น รถถังสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งส่วนใหญ่จึงมีลักษณะเหมือนรถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ หรือบังเกอร์เคลื่อนที่ ติดอาวุธรอบคัน ยกตัวอย่างรถถังหนักตระกูล Mark หมายเลขต่างๆของอังกฤษมักจะติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 57 มิลลิเมตร 2 กระบอกและปืนกล 4 กระบอกในรุ่น Male แต่ถ้าเป็นรุ่น Female ก็จะติดปืนกล 6 กระบอก ขณะที่รถถัง A7V ของเยอรมันก็ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 57 มิลลิเมตรจำนวน 1 กระบอกด้านหน้ารถ ขณะที่ด้านข้างและด้านหลังติดปืนกลด้านละ 2 กระบอก รวมทั้งหมด 6 กระบอก เมื่อติดอาวุธมากก็ต้องใช้พลประจำรถมากไปด้วย รถถัง A7V ของเยอรมันคันหนึ่งใช้พลประจำรถถึง 18 นาย จะเห็นได้ว่ารถถังสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งส่วนใหญ่มีหน้าตาต่างจากรถถังสมัยปัจจุบันมาก แล้วต้นตระกูลรถถังปัจจุบันมาจากไหน ?

รถถังรุ่นแรกสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่มีลักษณะคล้ายรถถังปัจจุบัน กล่าวคือตำแหน่งพลขับอยู่ด้านหน้ารถ ตำแหน่งเครื่องยนต์อยู่ด้านหลัง และมีป้อมปืนที่หมุนได้รอบ 360 องศา อาจถือได้ว่าเป็นต้นตระกูลรถถังปัจจุบันก็คือรถถังเบาเรโนลต์ เอฟที (Renault FT) หรือเอฟที-17 (FT-17) ของฝรั่งเศส (FT ภาษาฝรั่งเศสออกเสียงว่าแอ็ฟเต)
ฝรั่งเศสเริ่มออกแบบรถถังเรโนลต์ เอฟที ในปี ค.ศ.1916 และนำเข้าประจำการในปี ค.ศ.1917 อย่างไรก็ตามกว่ารถถังรุ่นนี้จะได้ลงสนามรบจริงก็ช่วงต้นปี ค.ศ.1918 ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจะยุติลงไม่นาน รถถังเรโนลต์ เอฟที มีน้ำหนัก 6.7 ตัน ใช้พลประจำรถ 2 นาย ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 37 มิลลิเมตร (รุ่น Male) หรือปืนกล Hotchkiss ขนาด 7.9 มิลลิเมตร (รุ่น Female) ความเร็วสูงสุด 7.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะปฏิบัติการ 65 กิโลเมตร จุดอ่อนของรถถังรุ่นนี้คือมีเกราะบาง (หนาเพียง 22 มิลลิเมตร) พื้นที่ด้านในคับแคบ รวมถึงไม่มีวิทยุ
นอกจากจะเป็นต้นแบบการออกแบบรถถังปัจจุบันแล้ว รถถังเรโนลต์ เอฟที ยังเป็นรถถังนานาชาติรุ่นแรกๆด้วย เนื่องจากลำพังโรงงานของฝรั่งเศสมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ จึงมีการจัดตั้งสายการผลิตในประเทศพันธมิตรได้แก่สหรัฐฯ ใช้ชื่อว่าเอ็ม-1917 (M-1917) ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งฝรั่งเศสผลิตรถถังรุ่นนี้ออกมามากกว่า 3,000 คัน ส่วนสหรัฐฯผลิตออกมาประมาณ 950 คัน ในจำนวนนี้ถูกทำลายไปประมาณ 700 คันเท่านั้น ส่งผลให้หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฝรั่งเศสยังคงมีรถถังเรโนลต์ เอฟที ใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก มีการส่งออกให้ประเทศต่างๆเช่นสเปน สวีเดน ยูโกสลาเวีย บราซิล เบลเยียม ลิทัวเนีย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ หลายประเทศรวมถึงฝรั่งเศสยังคงใช้งานรถถังรุ่นนี้จนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อกองทัพเยอรมันชนะฝรั่งเศสได้ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1940 เยอรมันสามารถยึดรถถังเรโนลต์ เอฟที ได้มากกว่า 1,700 คันและนำไปใช้งานต่อ บางส่วนนำไปใช้ในการฝึก บางส่วนใช้ป้องกันฐานทัพหรือสนามบิน บางส่วนนำไปใช้ปราบปรามกลุ่มต่อต้าน

จะเห็นได้ว่าแม้รถถังเรโนลต์ เอฟที จะไม่ใช่รถถังรุ่นแรกที่ถูกนำมาใช้งานในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่รถถังรุ่นนี้มีลักษณะหลายประการที่กลายเป็นพื้นฐานการออกแบบรถถังรุ่นใหม่ๆจนถึงปัจจุบัน เช่นตำแหน่งพลขับอยู่ด้านหน้า ตำแหน่งเครื่องยนต์อยู่ด้านหลัง และมีป้อมปืนที่หมุนได้รอบ 360 องศา จึงอาจกล่าวได้ว่ารถถังรุ่นนี้คือต้นตระกูลของรถถังปัจจุบัน
สวัสดี
18.06.2020