ข้อเสนอแนะการจัดการรถถังเอ็ม-41 ของไทยที่ปลดประจำการแล้ว

รถถังเบา M41A3 Walker Bulldog เข้าประจำการในกองทัพบกไทยตั้งแต่ปี ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) จนถึงปัจจุบันก็ใช้งานมา 58 ปี ถือว่าเก่ามากแล้ว ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าก่อนจะมาถึงมือกองทัพไทย รถถังรุ่นนี้ได้เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐฯตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 และปิดสายการผลิตไปเมื่อปี ค.ศ.1954 เท่ากับว่ารถถังรุ่นนี้บางคันจริงๆอาจมีอายุเกือบ 70 ปีแล้ว สมควรแก่เวลาต้องปลดประจำการ และจัดหารถถังรุ่นใหม่คือรถถังหลัก Oplot-M จากยูเครนและรถถังหลัก VT-4 จากจีนมาทดแทน

ภาพรถถังเบา M41A3 Walker Bulldog ของกองทัพบกไทย (Roger jg/ Wikimedia Commons)

คำถามที่ตามมาคือแล้วไทยควรจัดการรถถัง M41A3 ที่ปลดประจำการออกมาจำนวน 200 คันอย่างไร ? ประเด็นนี้หลายคนมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป บางคนเสนอให้ใช้งานต่อไปในภารกิจสนับสนุนทหารราบ บางคนเสนอให้ซ่อมบำรุงเก็บเข้าคลังไว้เป็นกำลังสำรอง บางคนเสนอให้ถอดป้อมปืนออกดัดแปลงเป็นปืนใหญ่อัตตาจรหรือติดจรวดหลายลำกล้อง บางคนเสนอให้นำไปตั้งแสดงในค่ายทหารหรือพิพิธภัณฑ์ บางคนเสนอให้ใช้เป็นเป้าซ้อมยิง ฯลฯ

ส่วนตัวผมคิดว่าด้วยอายุของรถถัง M41A3 ตั้งแต่ก่อนจะมาถึงมือกองทัพไทยถือว่าเก่ามากแล้ว ผ่านการใช้งานสมบุกสมบันมานาน จึงไม่ควรนำมาใช้งานในแนวหน้าต่อแล้วครับ ไม่ว่าจะในภารกิจสนับสนุนทหารราบหรือนำไปดัดแปลงใช้ในภารกิจอื่นก็ตาม อย่างไรก็ตามเนื่องจากยังมีรถถังจำนวนมากที่ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ ถ้าจะนำไปจอดทิ้งไว้เฉยๆก็น่าเสียดาย ผมอยากให้มีการคัดแยกรถถัง M41A3 ที่ยังใช้งานได้ สภาพดีที่สุดออกมาสัก 50 คันหรือ 1 กองพัน บำรุงรักษาเก็บไว้ในคลังสำรอง โดยในจำนวนนี้ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานสัก 15 คันหรือ 1 กองร้อย ใช้ในการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ใช้ในการสวนสนามหรืองานแสดงต่างๆเกี่ยวกับทหาร รวมถึงใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามเวียดนาม หารายได้เสริมเข้าประเทศ ปัจจุบันยุทโธปกรณ์รุ่นเก่าที่ยังใช้งานได้เหลือน้อยลงทุกที แม้แต่ในประเทศผู้ผลิตเองก็อาจไม่ได้เก็บรักษาไว้ เมื่อไทยยังมียุทโธปกรณ์เหล่านี้อยู่ก็ควรใช้ให้เกิดประโยชน์

สำหรับรถถังส่วนที่เหลืออีกประมาณ 150 คัน ผมเสนอให้แยกชิ้นส่วนอะไหล่ที่ยังใช้งานได้ไปสำรองให้รถถังชุดก่อนหน้า จากนั้นก็นำมาทาสีใหม่ ตกแต่งดีๆ กระจายไปตั้งแสดงในค่ายทหารและพิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามการจัดแสดงรถถังและยุทโธปกรณ์รุ่นเก่าที่ปลดประจำการแล้ว ผมคิดว่าไม่ควรตั้งโชว์กลางแจ้งตากแดดตากฝนไว้เฉยๆ โดยไม่มีข้อมูลที่มาที่ไปประกอบ แต่ควรจัดแสดงให้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวหรือนิทรรศการที่น่าสนใจ เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของท้องถิ่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่นรถถัง M41A3 บางคันอาจนำไปจัดแสดงในนิทรรศการประวัติศาสตร์ทางทหารทั้งไทยและต่างประเทศเช่นสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม เหตุการณ์ที่อ่าวพิกส์ในคิวบา ฯลฯ บางคันอาจนำไปตั้งแสดงในนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ารถถังรุ่นนี้มีส่วนร่วมในการรัฐประหารหรือกบฏหลายครั้ง แม้แต่รถถังที่ตั้งแสดงในค่ายทหาร ส่วนตัวผมก็ไม่อยากให้ตั้งโชว์ตากแดดตากฝนเฉยๆเหมือนกัน แต่อยากให้มีการพัฒนาเป็นนิทรรศการหรือพิพิธภัณฑ์ของหน่วย ให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมได้ ผมคิดว่าที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ทหารไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในกรุงเทพฯ สระบุรี ลพบุรี ฯลฯ (ซึ่งความจริงพิพิธภัณฑ์ต่างๆของไทยยังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกมาก) แต่ควรกระจายออกไปยังท้องถิ่นต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ของกองทัพไทยอีกช่องทางหนึ่งด้วย

สวัสดี

21.06.2020

แสดงความคิดเห็น