เมื่อไม่กี่วันก่อนมีข่าวน่าสนใจในสื่อ The Jakarta Post เปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยและอินโดนีเซีย บอกว่าเมื่อปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวรัสเซียมาเที่ยวอินโดนีเซียจำนวน 158,943 คน เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาอินโดนีเซียมากเป็นอันดับที่ 20 ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวเท่านี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 10 อันดับแรกของคนรัสเซีย (อินโดนีเซียไม่ติดอันดับนี้) หน่วยงานท่องเที่ยวของอินโดนีเซียเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะจำนวนเที่ยวบินตรงจากรัสเซียมาอินโดนีเซีย มีน้อยกว่าเที่ยวบินตรงจากรัสเซียมาไทย ดังนั้นในอนาคตอินโดนีเซียก็จะสนับสนุนให้มีเที่ยวบินตรงมากขึ้น ร่วมมือกับบริษัททัวร์ต่างๆ ประชาสัมพันธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวรัสเซียมาเที่ยวอินโดนีเซียมากขึ้น
แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนรัสเซีย มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยปีละมากกว่า 1 ล้านคน เป็นหนึ่งในแหล่งรายได้สำคัญของประเทศไทย แต่ผมก็ไม่อยากให้ภาคธุรกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยนิ่งนอนใจ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรัสเซียนิยมไปปัจจุบันก็คือทะเล เช่นที่ภูเก็ต พัทยา สมุย ฯลฯ ปัญหาคือไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีทะเล ประเทศที่นักท่องเที่ยวรัสเซียนิยมไปเช่นตุรกี กรีซ อียิปต์ ฯลฯ ก็ล้วนใช้ทะเลเป็นจุดขายทั้งนั้น ประเทศที่คิดจะดึงดูดนักท่องเที่ยวรัสเซียมากขึ้นอย่างอินโดนีเซียก็ตั้งใจจะใช้ทะเล เกาะบาหลีเป็นจุดขายเหมือนกัน ถ้าไทยไม่เตรียมจุดขายอย่างอื่นไว้เลย ในอนาคตจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมากครับ
ส่วนตัวผมเชื่อว่าจุดขายสำคัญที่ประเทศไทยสามารถนำมาใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยวรัสเซีย สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งประเทศอื่นๆ ก็คือประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-รัสเซียที่มีมายาวนาน พึ่งครบรอบ 123 ปีไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไทยน่าจะนำเรื่องราวประวัติศาสตร์มาประชาสัมพันธ์ จัดโปรแกรมท่องเที่ยวตามรอยซาร์นิโคลัสที่ 2 สมัยยังเป็นรัชทายาทหรือซาร์เรวิช เสด็จเยือนประเทศไทย (สยาม) ร่วมมือกับค่ายหนังรัสเซีย สร้างภาพยนตร์หรือละครอิงประวัติศาสตร์แสดงเรื่องราวบทบาทของรัสเซีย ในการรักษาเอกราชของประเทศไทยสมัยยุคล่าอาณานิคม เป็นต้น ประวัติศาสตร์คือจุดขายสำคัญที่ประเทศไทยมีเหนือประเทศอื่นๆ ควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ครับ
สวัสดี
11.07.2020
