มณฑลทหารภาคใต้ (Southern Military District) ของรัสเซียซึ่งรับผิดชอบพื้นที่บริเวณเทือกเขาคอเคซัส ไครเมีย และทะเลแคสเปียนจะได้รับมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-350 Vityaz ระบบแรกเข้าประจำการในปี 2021 เพื่อทดแทนระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PS ขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกหน่วยที่ S-350 จะไปลง
ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-350 เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลาง จรวดมีระยะยิงไกลสุด 120 กิโลเมตร แต่พิจารณาจากข่าวช่วงที่ผ่านมา รัสเซียน่าจะเน้นใช้งานรุ่นที่มีระยะยิง 60 กิโลเมตรเป็นหลัก ระบบหนึ่งประกอบด้วยรถบัญชาการ 1 คัน รถเรดาร์ 2 คัน และรถฐานยิงมากสุด 8 คัน แต่ละคันมีจรวด 12 ลูก รัสเซียมีแผนจะจัดหา S-350 จำนวน 12 ระบบภายในปี 2027 ในจำนวนนี้เซ็นสัญญาจัดหาไปแล้ว 4 ระบบ กำหนดส่งมอบภายในปี 2023
ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PS พัฒนาต่อยอดมาจาก S-300P เข้าประจำการในกองทัพโซเวียตเมื่อปี 1982 จรวดมีระยะยิงไกลสุด 75 กิโลเมตร ระบบหนึ่งมีรถฐานยิง 6 คันแต่ละคันมีจรวด 4 ลูก รัสเซียกำลังทยอยปลดประจำการ S-300PS บางส่วนส่งต่อให้กลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตเช่นเบลารุส อาร์เมเนีย คาซัคสถาน เพื่อจัดตั้งเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศร่วมกัน มีผลพลอยได้คือป้องกันไม่ให้ประเทศเหล่านี้ไปซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศจากจีน ขณะที่ยูเครนยังคงใช้งาน S-300PS เป็นหลักอยู่
จะเห็นได้ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-350 ระบบหนึ่งมีจำนวนจรวดมากกว่า S-300PS มาก ในขณะที่ระยะยิงไม่แตกต่างกันมากนัก (ถ้าเลือกใช้จรวดระยะยิง 120 กิโลเมตร S-350 จะมีระยะยิงไกลกว่า S-300PS ด้วย) ประกอบกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยกว่า S-350 จึงมีความเหมาะสมที่จะมาทดแทน S-300PS ป้องกันการโจมตีทางอากาศขนานใหญ่จากโดรนหรือจรวดร่อน ซึ่งมีจำนวนมาก ราคาถูก ไม่คุ้มค่าที่จะใช้จรวดพิสัยไกลของระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 หรือ S-300 รุ่นหลังๆสกัด ท่ามกลางการรบกวนจากระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์
สวัสดี
02.08.2020
