
มีข่าวจากสื่อ The Global Times และ South China Morning Post รายงานว่าจีนพึ่งเปิดตัวอาวุธรุ่นใหม่ซึ่งจีนเรียกว่า “Airborne Munitions Dispenser” หรือ “Dispenser Bomb” ชื่อ Tianlei 500 เป็นลูกผสมระหว่างจรวดอากาศสู่พื้นและระเบิดร่อน นำวิถีด้วยเลเซอร์ ระยะยิง 60 กิโลเมตร น้ำหนัก 500 กิโลกรัม ภายในบรรจุระเบิดขนาดเล็กจำนวน 240 ลูก รัศมีทำลายรวม 6,000 ตารางเมตร ระเบิดแต่ละลูกสามารถเลือกติดหัวรบได้ 6 ชนิด สำหรับเป้าหมายประเภทต่างๆกัน แต่เป้าหมายหลักคือการสร้างความเสียหายให้พื้นที่สนามบินทั้งหมดใช้งานไม่ได้ในนัดเดียว โดยภายในระเบิดขนาดเล็กบางลูกอาจมีกับระเบิดมาด้วย เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถซ่อมแซมสนามบินได้สะดวก สำหรับเครื่องบินรบของจีนที่สามารถใช้ Tianlei 500 ได้ปัจจุบันประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ J-16, เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด JH-7 และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Xian H-6
ส่วนตัวผมอ่านสรรพคุณของ Tianlei 500 คิดว่านี่คือ Cluster Bomb ชัดๆ แต่จีนเลี่ยงบาลีไปใช้คำว่า Dispenser Bomb แทน เพราะ Cluster Bomb เป็นอาวุธที่ถูกแบนตามข้อตกลง Convention on Cluster Munitions หรือ CCM เมื่อปี 2008 ซึ่งปัจจุบันมีประเทศต่างๆลงนามจำนวน 108 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและแอฟริกา แม้ประเทศมหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ จีน และรัสเซียจะไม่ได้เข้าร่วม CCM และยังคงมีการใช้งาน Cluster Bomb อย่างแพร่หลายเช่นในซีเรีย แต่มหาอำนาจเหล่านี้ก็หลีกเลี่ยงการออกข่าวโฆษณาเกี่ยวกับการใช้งาน Cluster Bomb ออกสื่อ เพราะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศนั่นเอง ปกติเวลาจะใช้อาวุธที่ถูกนานาชาติแบน มหาอำนาจมักจะใช้วิธีเลี่ยงบาลีคิดชื่ออาวุธประเภทใหม่ออกมาแทน ตัวอย่างเช่นเลิกใช้ระเบิดเพลิง Napalm และปืนพ่นไฟ หันไปใช้อาวุธ Thermobaric แทน ทั้งที่เป็นอาวุธเล่นกับไฟเหมือนกัน เป็นต้น
สวัสดี
18.08.2020
ป.ล.ในจำนวนประเทศ 108 ประเทศที่ลงนามใน CCM มีประเทศอาเซียนเพียง 3 ประเทศเท่านั้นคือลาว ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย (อินโดนีเซียยังไม่ให้สัตยาบัน) ดังนั้นต่อให้ไทยใช้ Cluster Bomb กับกัมพูชาเมื่อปี 2011 ตามที่กัมพูชากล่าวหาจริงก็ไม่ผิดกฎแต่อย่างใด เพราะทั้งไทยและกัมพูชาไม่ได้เข้าร่วม CCM (กฎหมายหรือข้อตกลงระหว่างประเทศจะมีผลต่อเมื่อประเทศที่เข้าร่วมลงนามและให้สัตยาบันแล้วเท่านั้น โดยปกติจะต้องลงมติในรัฐสภา)