(Chief Master Sgt. Gary Emery/ Public Domain)
มีข่าวจากสื่อ The Guardian และ Al Jazeera รายงานว่ารัฐบาลสวีเดนเสนอให้มีการเพิ่มงบกลาโหมประมาณ 40% ภายในปี 2025 เป็นการเพิ่มงบกลาโหมสูงที่สุดในรอบ 70 ปี นอกจากนี้สวีเดนก็จะขยายขนาดกองทัพจากที่มีทหารประจำการประมาณ 60,000 นาย เพิ่มเป็น 90,000 นาย เพิ่มจำนวนทหารเกณฑ์ขึ้นอีก 2 เท่าจาก 4,000 เป็น 8,000 นาย (สวีเดนกลับไปใช้การเกณฑ์ทหารในปี 2017 หลังคนสมัครเป็นทหารไม่เพียงพอ) รวมถึงจะมีการจัดหายุทโธปกรณ์รุ่นใหม่เช่นเรือดำน้ำ เรือคอร์เวต ฯลฯ เพิ่มเติมด้วย โดยสวีเดนอ้างเหตุผลภัยคุกคามจากรัสเซีย ซึ่งมีความเคลื่อนไหวทางทหารในแถบทะเลบอลติกมากขึ้น
แม้สวีเดนจะไม่ได้เป็นสมาชิก NATO แต่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตะวันตก ช่วงหลายปีที่ผ่านมาสถานการณ์แถบทะเลบอลติกเริ่มตึงเครียดมากขึ้น เริ่มจากการที่สหรัฐฯจะติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ Aegis Ashore ในโปแลนด์ ส่งผลให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการวางกำลังขีปนาวุธ Iskander-M ในคาลินินกราด ต่อมาเมื่อเกิดวิกฤตในยูเครน NATO ก็ใช้ประเด็นนี้เป็นข้ออ้างเสริมกำลังในโปแลนด์และสามรัฐบอลติก ลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย ประชิดชายแดนรัสเซีย เป็นการปิดล้อมคาลินกราดไปในตัว ส่งผลให้รัสเซียต้องเสริมอาวุธหนักเข้าพื้นที่เช่นระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 และระบบป้องกันชายฝั่ง Bastion ฯลฯ เครื่องบินรบของรัสเซียและ NATO ขึ้นบินสกัดกันไปมาเป็นเรื่องปกติ ในส่วนของเรือรบก็มีความเคลื่อนไหวมากขึ้นเช่นกัน มีการล้ำเข้าไปน่านน้ำและน่านฟ้าของสวีเดนเป็นครั้งคราว เมื่อรัฐบาลสวีเดนมีนโยบายโปรตะวันตก จึงสามารถใช้ความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซีย (ซึ่งส่วนหนึ่งก็มีที่มาจากการยั่วยุของสหรัฐฯและ NATO) มาสร้างภาพรัสเซียเป็นผู้ร้าย ใช้เป็นข้ออ้างเพิ่มงบประมาณและขีดความสามารถทางทหารได้
สวัสดี
16.10.2020
