อาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจานหยุดยิง เปิดทางทหารรัสเซียเข้าพื้นที่พิพาท

หลังการสู้รบระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานในพื้นที่พิพาทนาร์กอโน-คาราบัคดำเนินต่อเนื่องมานานกว่า 6 สัปดาห์ ล่าสุดมีข่าวจากสื่อ The Moscow Times รายงานว่าทั้งสองประเทศได้ทำข้อตกลงหยุดยิงร่วมกับรัสเซีย ตามข้อตกลงดังกล่าวอาเซอร์ไบจานสามารถควบคุมพื้นที่ที่ยึดมาได้ต่อไป ขณะที่อาร์เมเนียต้องถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทส่วนใหญ่ภายในกรอบเวลาที่กำหนด โดยรัสเซียจะส่งกองกำลังรักษาสันติภาพประกอบด้วยทหาร 1,960 นายและยานเกราะลำเลียงพล 90 คัน ไปประจำอยู่ในพื้นที่เป็นเวลา 5 ปี เพื่อดูแลให้คู่พิพาทปฏิบัติตามข้อตกลง

สื่อ RT รายงานว่าทหารรัสเซียซึ่งส่วนใหญ่มาจากกองพลน้อยยานเกราะที่ 15 สังกัดมณฑลทหารภาคกลาง (Central Military District รับผิดชอบพื้นที่แถบเทือกเขาอูราลและไซบีเรีย) เริ่มเดินทางโดยเครื่องบินลำเลียง Il-76 เข้าพื้นที่แล้ว นอกจากทหารรัสเซียแล้ว สื่อ Sputnik รายงานว่าประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน อิลฮัม อาลิเยฟ (Ilham Aliyev) แถลงว่าจะมีทหารตุรกีมาร่วมภารกิจรักษาสันติภาพด้วย แต่โฆษกของนิโคล ปาชิเนียน (Nikol Pashinyan) นายกฯ อาร์เมเนียออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการหารือให้ทหารตุรกีร่วมภารกิจรักษาสันติภาพแต่อย่างใด อ้างอิงจากสื่อ Public Radio of Armenia

สื่อ South China Morning Post รายงานว่านายกฯ อาร์เมเนียเรียกข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวว่าเป็นข้อตกลงที่เจ็บปวด การลงนามข้อตกลงหยุดยิงส่งผลให้ชาวอาร์เมเนียจำนวนมากไม่พอใจ สื่อ Sky News รายงานว่ามีชาวอาร์เมเนียหลายพันคนออกมาประท้วงรัฐบาล และบางส่วนได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ขณะที่สื่อ Anadolu Agency ก็รายงานว่าพรรคฝ่ายค้านของอาร์เมเนียจำนวน 17 พรรคได้รวมตัวกันเรียกร้องให้นายปาชิเนียน ลาออก เพื่อรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งความสูญเสียชีวิตและดินแดน รวมถึงความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลงกับรัสเซีย

ปัจจุบันเนื้อหาในข้อตกลงหยุดยิงยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของกรอบเวลาที่อาร์เมเนียจะต้องถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท รวมถึงคำจำกัดความของทหารอาร์เมเนียด้วย ผู้สนับสนุนอาเซอร์ไบจานอ้างว่าอาร์เมเนียต้องถอนกำลังทั้งทหารอาร์เมเนียและกองกำลังท้องถิ่นออกไปทั้งหมด คืนพื้นที่ให้อาเซอร์ไบจาน การลงนามข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวจึงเหมือนเป็นการยอมแพ้ของอาร์เมเนีย ขณะที่ผู้สนับสนุนอาร์เมเนียอ้างว่าแม้อาร์เมเนียจะต้องถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท แต่ยังคงมีกองกำลังท้องถิ่นอยู่ซึ่งตอนนี้ได้รับความคุ้มครองจากกองกำลังรักษาสันติภาพของรัสเซีย เท่ากับว่าอาร์เมเนียไม่ได้แพ้ขาดลอยแบบที่อาเซอร์ไบจานอ้าง แม้จะต้องเสียพื้นที่ไปบางส่วนก็ตาม ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจานก็ต้องการให้อาร์เมเนียเปิดเผยกรอบเวลาถอนทหารให้ชัดเจน แต่เมื่อรัสเซียส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าพื้นที่แล้ว ต่อไปอาเซอร์ไบจานก็คงเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกเหมือนคราวก่อนๆ

ส่วนตัวผมมองว่ารัสเซียเลือกแนวทางที่สร้างความเสียหายน้อยที่สุด เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับทั้งอาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และตุรกี โดยการยื่นมือเข้ามาปกป้องอาร์เมเนียในช่วงนาทีสุดท้าย ซึ่งอาร์เมเนียยังสามารถรักษาพื้นที่พิพาทไว้ได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ไม่ถึงกับแพ้หมดรูป หลังจากนี้ไม่ว่าอาร์เมเนียจะถอนทหารทั้งหมดจริงหรือไม่ อาเซอร์ไบจานก็ทำอะไรมากไม่ได้ ขณะที่อาเซอร์ไบจานก็สามารถยึดเมืองสำคัญอันดับสองในพื้นที่คือเมืองชูชา (Shusha) ได้ สามารถโฆษณาเรื่องชัยชนะทางทหารได้เต็มที่ สำหรับการประท้วงในอาร์เมเนีย ถ้ารัฐบาลของนายปาชิเนียนเกิดล้มไป ก็อาจเป็นผลดีกับรัสเซียเช่นกัน เพราะนายปาชิเนียนมีอำนาจขึ้นมาหลังการปฏิวัติหลากสีเมื่อปี ค.ศ.2018 ค่อนข้างเอนเอียงไปทางตะวันตก แต่ด้วยสภาพที่ตั้งของอาร์เมเนียส่งผลให้ไม่สามารถตีตัวออกห่างรัสเซียได้ ถ้าอาร์เมเนียมีการเปลี่ยนผู้นำได้ผู้นำที่โปรรัสเซียมากขึ้นก็ถือเป็นผลพลอยได้สำหรับรัสเซีย

สำหรับประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือตุรกี สามารถแผ่อิทธิพลเข้าไปในแถบเทือกเขาคอเคซัส หลังบ้านของรัสเซีย พัฒนาความสัมพันธ์กับอาเซอร์ไบจาน เป็นพื้นฐานในการสร้างท่อก๊าซจากอาเซอร์ไบจานมายังตุรกี ลดการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย นอกจากนี้ยังได้โอกาสแสดงขีดความสามารถยุทโธปกรณ์ของตุรกีโดยเฉพาะโดรนอีกครั้งหนึ่ง อาจถือได้ว่าเป็นชัยชนะทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งของตุรกี น่าติดตามว่าตุรกีซึ่งตอนนี้มีคู่กรณีเยอะมากทั้งกรีซ อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ ซีเรีย อิรัก อาร์เมเนีย ฯลฯ จะชนะต่อไปได้อีกกี่ยก

สวัสดี

11.11.2020

คลิปทหารรัสเซียขึ้นเครื่องบินลำเลียงไปนาร์กอโน-คาราบัค
ขบวนคอนวอยของทหารรัสเซียเข้าพื้นที่นาร์กอโน-คาราบัค

แสดงความคิดเห็น