
สื่อ Sputnik รายงานว่าแอลจีเรียเซ็นสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-57 จำนวน 14 ลำจากรัสเซีย มูลค่าประมาณสองพันล้านเหรียญ เป็นลูกค้าต่างประเทศรายแรกของ Su-57 แอลจีเรียจะเป็นประเทศที่สามในแถบทะเลเมดิเตอเรเนียน (ถัดจากอิสราเอลและอิตาลี) และเป็นประเทศแรกในทวีปแอฟริกาที่จะมีเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า นอกจากเครื่องบินขับไล่ Su-57 แล้ว ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าแอลจีเรียได้เซ็นสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-35 และเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Su-34 รุ่นละ 14 ลำด้วย อย่างไรก็ตามข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากกระทรวงกลาโหมของทั้งรัสเซียและแอลจีเรีย
สื่อ Morocco World News มองว่าแอลจีเรียจัดหา Su-57 เพื่อตอบโต้ที่โมร็อกโกจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-16V Viper จำนวน 25 ลำจากสหรัฐฯ สองประเทศนี้เป็นคู่ปรับกันอยู่ โดยโมร็อกโกจัดหาอาวุธส่วนใหญ่ประมาณ 91% จากสหรัฐฯ ขณะที่แอลจีเรียจัดหาอาวุธส่วนใหญ่ประมาณ 67% จากรัสเซีย
แม้ข่าวนี้จะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทั้งรัสเซียและแอลจีเรีย แต่ส่วนตัวผมมองว่ามีความเป็นไปได้สูงทีเดียว บางครั้งการจัดหาอาวุธที่เป็นไอเท็มลับก็ไม่จำเป็นต้องออกข่าวเผยแพร่ให้สาธารณชนรับรู้ ยกตัวอย่างเช่นขีปนาวุธ Iskander-E ของแอลจีเรียก็พึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการระหว่างการซ้อมรบเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ทั้งที่เคยมีข่าวว่าแอลจีเรียจัดหาขีปนาวุธรุ่นนี้มาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว นอกเหนือจากเรื่องความลับทางทหารแล้ว ประโยชน์อีกอย่างของการไม่ออกข่าวการจัดหาอาวุธจากรัสเซียอย่างเป็นทางการคือเพื่อหลบกฎหมาย Countering America’s Adversaries Through Sanctions Act หรือ CAATSA ของสหรัฐฯ
ปัจจุบันกำลังรบหลักของกองทัพอากาศแอลจีเรียประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ Su-30 จำนวน 58 ลำ (กำลังรอรับมอบอีก 16 ลำ), เครื่องบินขับไล่ MiG-29 จำนวน 32 ลำ (กำลังรอรับมอบอีก 14), เครื่องบินโจมตี Su-24 จำนวน 22 ลำ และเครื่องบินขับไล่ MiG-25 จำนวน 13 ลำ แอลจีเรียน่าจะต้องการจัดหา Su-57 เพื่อทดแทน MiG-25
สวัสดี
24.11.2020