รถถังเบาผู้ชนะสงครามสายฟ้าแลบ

ภาพรถถัง Panzer I และ Panzer II ของเยอรมันระหว่างการบุกโปแลนด์
(Bundesarchiv, Bild 146-1976-071-36 / CC-BY-SA 3.0)

ถึงแม้ว่าตามแนวคิดยุทธวิธีสงครามสายฟ้าแลบ (Blitzkrieg) ของนายพลไฮนซ์ กูเดเรียน (Heinz Guderian) ของเยอรมันจะต้องการให้หน่วยยานเกราะเยอรมันใช้รถถังกลาง 2 รุ่น เป็นกำลังรบหลักคือรถถัง Panzer III ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 37 หรือ 50 มิลลิเมตร สำหรับภารกิจต่อสู้รถถัง กับรถถัง Panzer IV ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 75 มิลลิเมตรลำกล้องสั้น สำหรับภารกิจสนับสนุนทหารราบ แต่ในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่สอง จากปัญหาความล่าช้าในการผลิต ส่งผลให้กองทัพเยอรมันมีรถถังทั้งสองรุ่นไม่พอใช้แต่อย่างใด ต้องใช้งานรถถังรุ่นเก่าอย่าง Panzer I และ Panzer II ซึ่งใช้สำหรับการฝึก กับรถถังที่ยึดมาจากเชโกสโลวาเกียอย่าง Panzer 35(t) และ Panzer 38(t) มาใช้เป็นกำลังรบหลักตั้งแต่การบุกโปแลนด์ในปี ค.ศ.1939 ไปจนถึงการบุกสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ.1941 แต่รถถังเหล่านี้กลับไม่ได้รับการกล่าวถึงมากนัก เมื่อเทียบกับรถถังรุ่นอื่นๆที่เข้าประจำการช่วงกลางถึงปลายสงคราม

ถ้าผู้อ่านนึกภาพไม่ออกว่ารถถัง Panzer I และ Panzer II มีความสำคัญต่อสงครามสายฟ้าแลบของเยอรมนี ผมขอยกตัวเลขขึ้นมาให้เห็นภาพ ในการบุกโปแลนด์ กองทัพเยอรมันใช้รถถังจำนวน 2,690 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถถัง Panzer I จำนวน 973 คันและ Panzer II จำนวน 1,127 คัน คิดเป็นจำนวนเกือบ 80% ของรถถังเยอรมันทั้งหมด แม้กระทั่งในการบุกสหภาพโซเวียต จากจำนวนรถถังเยอรมันประมาณ 3,500 คัน มีรถถัง Panzer I จำนวน 337 คัน, Panzer II จำนวน 890 คัน, Panzer 35(t) จำนวน 155 คันและ Panzer 38(t) จำนวน 625 คัน รวมกันคิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 เลยทีเดียว อาจกล่าวได้ว่ารถถังเบาเหล่านีมีบทบาทสำคัญต่อชัยชนะของเยอรมนีในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่สอง

รถถัง Panzer I

ภาพรถถัง Panzer I ตั้งแสดงที่ US Army Ordnance Museum
(DZGuymed/ Wikimedia Commons/ Public Domain)

รถถัง Panzerkampfwagen I (PzKpfw I) หรือ Panzer I เข้าสู่สายการผลิตในปี ค.ศ.1934 ออกแบบมาใช้สำหรับการฝึกเป็นหลัก ระหว่างรอให้ Panzer III และ Panzer IV พัฒนาเสร็จ รถถัง Panzer I ใช้พลประจำรถ 2 นาย ติดอาวุธเพียงปืนกลขนาด 7.92 มิลลิเมตร 2 กระบอกเท่านั้น จึงไม่สามารถใช้ต่อสู้กับยานเกราะข้าศึกได้เลย ทำได้เพียงภารกิจลาดตระเวณและสนับสนุนทหารราบเท่านั้น

เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองสเปนในปี ค.ศ.1936 เยอรมนีได้ส่งรถถัง Panzer I ไปให้ฝ่ายชาตินิยม (Nationalists) ของนายพลฟรังโก (Francisco Franco) ตอบโต้ที่สหภาพโซเวียตส่งรถถังเบา T-26 และรถหุ้มเกราะ BA-10 มาช่วยฝ่ายสาธารณรัฐ (Republicans) เมื่อยานเกราะทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ปรากฏว่า Panzer I ซึ่งติดอาวุธเพียงปืนกล แพ้ยานเกราะโซเวียตซึ่งติดปืนใหญ่ขนาด 45 มิลลิเมตรอย่างย่อยยับ ส่งผลให้ฝ่ายชาตินิยมต้องพยายามยึดรถถัง T-26 จากฝ่ายตรงข้ามมาใช้งานให้มากที่สุด แสดงให้เห็นว่า Panzer I นั้นล้าสมัยไปตั้งแต่ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก แต่ด้วยข้อจำกัดของเยอรมนี ส่งผลให้กองทัพเยอรมันต้องใช้งานรถถังรุ่นนี้ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่สอง

รถถัง Panzer II

ภาพรถถัง Panzer II ตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์รถถัง Saumur ประเทศฝรั่งเศส
(Matthias Holländer/ Wikimedia Commons/ Public Domain)

เยอรมนีเริ่มพัฒนารถถังเบา Panzerkampfwagen II (PzKpfw II) หรือ Panzer II ในปี ค.ศ.1934 และเข้าประจำการในปี ค.ศ.1936 เพื่อทดแทนรถถัง Panzer I ขัดตาทัพขณะรอรถถัง Panzer III และ Panzer IV เข้าประจำการ รถถังรุ่นนี้ติดอาวุธปืนใหญ่อัตโนมัติขนาด 20 มิลลิเมตร ซึ่งดัดแปลงมาจากปืนต่อสู้อากาศยาน มีอำนาจการยิงมากพอจะเจาะเกราะรถถังเบาและรถถังกลางส่วนใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1930 ได้ รวมถึงมีอัตราการยิงสูง รถถัง Panzer II เข้าสู่สนามรบครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1939 ระหว่างการบุกโปแลนด์และใช้งานต่อเนื่องไปจนถึงช่วงการบุกสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ.1941

รถถัง Panzer 35(t)

ภาพรถถัง LT-35 หรือ Panzer 35(t) ตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่กรุงเบลเกรด เซอร์เบีย
(Pudelek/ Wikimedia Commons/ CC BY-SA 3.0)

รถถัง Panzerkampfwagen 35(t) หรือ Panzer 35(t) ออกแบบโดยเชโกสโลวาเกีย (ตัว t ย่อมาจาก tschechisch หรือเช็กในภาษาเยอรมัน) เข้าประจำการในปี ค.ศ.1936 ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 37 มิลลิเมตร มีอำนาจการยิงสูงกว่ารถถังเบาของเยอรมนี ผลิตออกมาทั้งหมด 434 คัน บางส่วนถูกขายให้ต่างประเทศ เมื่อเยอรมนียึดครองเชโกสโลวาเกียในปี ค.ศ.1939 ก็ยึดรถถังรุ่นนี้จำนวน 244 คันไปใช้งาน ตั้งแต่การบุกโปแลนด์ไปจนถึงการบุกสหภาพโซเวียต ก่อนจะปลดประจำการไปในปี ค.ศ.1942

รถถัง Panzer 38(t)

ภาพรถถัง LT-38 หรือ Panzer 38(t) ตั้งแสดงที่ Museum of Slovak National Uprising (Vassia Atanassova – Spiritia/ Wikimedia Commons/ CC BY-SA 3.0)

รถถัง Panzerkampfwagen 38(t) หรือ Panzer 38(t) ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 37 มิลลิเมตร ออกแบบโดยเชโกสโลวาเกีย เข้าสู่สายการผลิตช่วงปลายปี ค.ศ.1938 เมื่อเยอรมนีเข้ายึดครองก็นำรถถังรุ่นนี้ไปทดสอบ กองทัพเยอรมันพอใจขีดความสามารถของ Panzer 38(t) มาก ประกอบกับความล่าช้าในการผลิตรถถัง Panzer III และ Panzer IV จึงตัดสินใจสั่งรถถังรุ่นนี้เข้าประจำการ

Panzer 38(t) ออกรบครั้งแรกในโปแลนด์ และต่อมาก็เป็นกำลังรบสำคัญของกองพลยานเกราะที่ 7 (7th Panzer Division) หรือกองพลผี (Ghost Division) ของพลโทเออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel) ระหว่างการบุกฝรั่งเศส กองทัพเยอรมันใช้งานรถถังรุ่นนี้จนถึงช่วงบุกสหภาพโซเวียต ถึงตอนนั้นเยอรมนีก็เผชิญหน้ากับรถถังกลาง T-34/76 และรถถังหนัก KV-1 ซึ่งขีดความสามารถของ Panzer 38(t) ไม่พอรับมืออีกต่อไป ในปี ค.ศ.1942 เยอรมนีจึงขายรถถัง Panzer 38(t) บางส่วนให้ชาติพันธมิตรเช่นฮังการีไปใช้งาน และนำที่เหลือไปดัดแปลงเป็นปืนใหญ่อัตตาจรและยานเกราะล่ารถถังเช่น Marder III และ Hetzer

สวัสดี

18.03.2021

แสดงความคิดเห็น