
(Makizox/ Wikimedia Commons/ CC BY-SA 4.0)
ช่วงต้นปี ค.ศ.1943 สถานการณ์ของกองทัพเยอรมันและอิตาลีในแอฟริกาเหนือไม่สู้ดีนัก เหลือที่มั่นแค่ในตูนิเซียเท่านั้น แถมยังถูกฝ่ายสัมพันธมิตรโดยกองทัพอังกฤษรุกมาจากอียิปต์ทางทิศตะวันออก และกองทัพสหรัฐฯ ที่รุกมาจากโมร็อกโกและแอลจีเรียทางทิศตะวันตกตีกระหนาบ แม้นายทหารเยอรมันบางส่วนจะมองว่าสถานการณ์ขณะนี้เกินเยียวยาแล้ว สมควรถอนทหารที่เหลือออกจากแอฟริกาเหนือขณะที่ยังมีโอกาส แต่มองอีกมุมหนึ่ง ถ้าเสียแอฟริกาเหนือไป ฝ่ายสัมพันธมิตรก็จะใช้แอฟริกาเหนือเป็นฐานทัพบุกอิตาลีต่อไป เรียกว่าฝ่ายอักษะอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก สุดท้ายฝ่ายอักษะได้ตัดสินใจจะทุ่มกำลังรักษาตูนิเซียไว้ให้ได้ มีการเสริมกำลังทหารและยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ๆรวมถึงรถถัง Tiger I เข้ามาในพื้นที่ หนึ่งในนั้นคือรถถัง Tiger หมายเลข 131 ซึ่งปัจจุบันเป็นรถถัง Tiger I คันเดียวที่ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้
รถถัง Tiger หมายเลข 131 ออกจากสายการผลิตในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ค.ศ.1943 ก่อนจะถูกส่งทางเรือไปที่ตูนิเซียระหว่างวันที่ 12 มีนาคมถึง 16 เมษายน ปีเดียวกัน สังกัดหมวดที่ 3 ของกองร้อยที่ 1 ของกองพันรถถังหนักที่ 504 (504th Schwere Heerespanzerabteilung) ปฏิบัติภารกิจตอบโต้การรุกของฝ่ายสัมพันธมิตรก่อนที่จะถูกทหารอังกฤษยึดได้
เดิมมีความเชื่อว่ารถถัง Tiger หมายเลข 131 นั้นถูกยึดได้ทางเหนือของเนินเขาเจเบล จาฟฟา (Djebel Djaffa) โดยช่วงคืนวันที่ 20 – 21 เมษายน ค.ศ.1943 กองทัพเยอรมันทำการรุกตอบโต้ฝ่ายสัมพันธมิตรในตูนิเซียหลายจุด รถถัง Tiger I สองคัน หนึ่งในนั้นคือ Tiger หมายเลข 131 และรถถังรุ่นอื่นๆอีกหลายคันเป็นหัวหอกทำการรุกบริเวณทางเหนือของเนินเขาเจเบล จาฟฟา รถถัง Tiger หมายเลข 131 ถูกยิงโดยรถถัง Churchill และปืนใหญ่ต่อสู้รถถังขนาด 57 มิลลิเมตรรวม 3 นัด กระสุนนัดแรกยิงถูกลำกล้องปืนและกระเด็นไปถูกวงแหวนป้อมปืน ส่งผลให้ไม่สามารถหมุนป้อมปืนได้ วิทยุได้รับความเสียหาย พลขับและพลวิทยุได้รับบาดเจ็บ กระสุนนัดที่สองส่งผลให้คันยกปืนเสียหาย ไม่สามารถยกหรือกดปืนใหญ่รถถังได้ ส่วนกระสุนนัดที่สามยิงถูกบริเวณป้อมปืนส่งผลให้มีเศษเหล็กกระจายในตัวป้อม จนพลประจำรถต้องทิ้งรถหนี เปิดโอกาสให้ทหารอังกฤษสามารถยึดรถถัง Tiger หมายเลข 131 ได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีหลักฐานใหม่แสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วรถถัง Tiger หมายเลข 131 ไม่ได้ถูกยึดบริเวณเนินเจเบล จาฟฟาแต่อย่างใด ความจริงแล้วรถถังคันนี้ถูกยึดบริเวณจุด 174 ซึ่งอยู่ห่างจากเนินเจเบล จาฟฟาไปประมาณ 15 กิโลเมตร ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1943
อังกฤษทำการซ่อมแซมรถถัง Tiger หมายเลข 131 โดยใช้ชิ้นส่วนจากรถถัง Tiger I คันอื่นๆที่ถูกทำลาย เพื่อทำการศึกษาและประเมินขีดความสามารถ อังกฤษจัดแสดงรถถัง Tiger I เป็นครั้งแรกในเมืองตูนิสที่พึ่งยึดได้ โดยกษัตริย์จอร์จที่ 6 (George VI) และนายกฯ วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) ได้มาเยี่ยมชมด้วยตัวเอง ต่อมา Tiger หมายเลข 131 ได้ถูกส่งไปอังกฤษในเดือนตุลาคม ค.ศ.1943 ใช้จัดแสดงตามเมืองต่างๆเพื่อโฆษณาชวนเชื่อ ก่อนจะนำไปศึกษาอย่างละเอียด
หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง รถถัง Tiger หมายเลข 131 ถูกนำไปตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์รถถังโบวิงตัน (Bovington Tank Museum) ในวันที่ 25 กันยายน ค.ศ.1951 จนกระทั่งในปี ค.ศ.1990 ก็มีโครงการที่จะฟื้นสภาพรถถังคันนี้ให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง แล้วเสร็จในปี ค.ศ.2003 ส่งผลให้รถถัง Tiger หมายเลข 131 กลายเป็นรถถัง Tiger I เพียงคันเดียวในโลกที่อยู่ในสภาพใช้งานได้ เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่สุดของพิพิธภัณฑ์รถถังโบวิงตัน รถถัง Tiger หมายเลข 131 ยังได้เข้าฉากในภาพยนตร์เรื่อง Fury เมื่อปี ค.ศ.2014 ด้วย
สวัสดี
22.03.2021