
(АПРЕЛЬ/ Wikimedia Commons/ CC BY-SA 4.0)
SU-100 เป็นยานเกราะล่ารถถัง (Tank Destroyer) ของสหภาพโซเวียตซึ่งถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง สามารถรับมือรถถังเยอรมันได้เกือบทุกรุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง โซเวียตก็ได้ส่งยานเกราะรุ่นนี้ให้พันธมิตรหลายประเทศไปใช้งานต่อตั้งแต่สมัยสงครามเย็นต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
เมื่อรถถัง Tiger I และ Panther เริ่มเข้าประจำการในกองทัพเยอรมัน ช่วงปลายปี ค.ศ.1942 และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1943 ตามลำดับ กองทัพโซเวียตพบว่าปืนใหญ่ขนาด 76 มิลลิเมตรของรถถัง T-34/76 และ KV-1 มีขีดความสามารถไม่พอรับมือรถถังรุ่นใหม่ๆของเยอรมันอีกต่อไป จึงมีการนำปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 85 มิลลิเมตร มาดัดแปลงเป็นปืนใหญ่ต่อสู้รถถัง ติดตั้งบนตัวรถของรถถัง T-34 ซึ่งถอดป้อมปืนออก กลายเป็นยานเกราะล่ารถถัง SU-85 ออกรบครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1943 แต่เมื่อใช้งานไปได้ไม่นานโซเวียตก็พัฒนารถถัง T-34/85 ติดปืนใหญ่ขนาด 85 มิลลิเมตรออกมาใช้งาน ส่งผลให้จำเป็นต้องมีการเพิ่มขนาดอาวุธของ SU-85 เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับ T-34/85 นั่นเอง
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1944 โซเวียตเริ่มนำ SU-85 มาปรับปรุงใหม่ เช่นเพิ่มเกราะให้หนาขึ้น และเปลี่ยนอาวุธหลักเป็นปืนใหญ่ D-10 ขนาด 100 มิลลิเมตร (ซึ่งต่อมาถูกใช้ในรถถัง T-54/55 สมัยสงครามเย็น) กลายเป็น SU-100 โดยกองทัพโซเวียตได้รับมอบรถต้นแบบคันแรกสำหรับทดสอบในเดือนมีนาคม ก่อนจะได้รับอนุมัติให้เข้าสู่สายการผลิตจำนวนมากในเดือนกันยายน และเข้าประจำการในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน กองทัพโซเวียตพอใจขีดความสามารถของ SU-100 มาก เนื่องจากมันสามารถรับมือรถถังเยอรมันได้เกือบทุกรุ่นยกเว้นรถถัง King Tiger เท่านั้น SU-100 มีบทบาทสำคัญในการสกัดการรุกของเยอรมันในเดือนมีนาคม ค.ศ.1945 ที่ประเทศฮังการี และมีบทบาทในการรุกของโซเวียตเข้าสู่ปรัสเซียตะวันออก โซเวียตยังใช้งาน SU-100 ในการบุกยึดกรุงเบอร์ลินด้วย จุดอ่อนของ SU-100 คือไม่มีอาวุธรองอย่างปืนกลสำหรับต่อสู้อากาศยานหรือทหารราบแต่อย่างใด จึงต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากทหารราบหรือยุทโธปกรณ์อื่นๆค่อนข้างมาก
โซเวียตทำการผลิต SU-100 ออกมามากกว่า 2,350 คันจนถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1945 ก่อนจะปิดสายการผลิตไป ต่อมาในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน โซเวียตก็ใช้งาน SU-100 อีกครั้งหนึ่งในการรุกเข้าสู่แมนจูเรียซึ่งญี่ปุ่นยึดครองอยู่ หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง กองทัพโซเวียตก็ใช้งาน SU-100 ต่อไปจนถึงปี ค.ศ.1957 ก่อนจะส่งต่อให้ประเทศยุโรปตะวันออกในกลุ่มองค์การสนธิสัญญาวอร์ซอ (Warsaw Pact) จีน เกาหลีเหนือ เวียดนาม คิวบา และประเทศในตะวันออกกลางนำไปใช้งานต่อ ถูกใช้งานทั้งในสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามอาหรับ-อิสราเอล และล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ถูกใช้ในเยเมนด้วย
สวัสดี
10.04.2021