เวสเปอร์ (Wespe) ปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 105 มิลลิเมตรบนตัวรถถัง Panzer II

ภาพปืนใหญ่อัตตาจร Wespe ตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ Musée des Blindés ประเทศฝรั่งเศส
(Alf van Beem/ Wikimedia Commons/ Public Domain)

ปืนใหญ่อัตตาจร Wespe ขนาด 105 มิลลิเมตร เป็นหนึ่งในปืนใหญ่อัตตาจรที่มีชื่อเสียงที่สุดของกองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง (Wehrmacht) มีชื่อเป็นทางการในภาษาเยอรมันว่า “10.5 cm Leichte Feldhaubitze 18 auf Fahrgestell Panzerkampfwagen II” แปลตรงตัวได้ว่าปืนใหญ่สนามวิถีโค้งขนาดเบารุ่น 18 ขนาด 105 มิลลิเมตรติดตั้งบนตัวรถถัง Panzer II แต่ทหารเยอรมันนิยมเรียกว่า Wespe หรือ Wasp (ตัวต่อ)

ระหว่างการบุกยุโรปตะวันตกและฝรั่งเศส เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ค.ศ.1940 กองทัพเยอรมันพบว่าหน่วยปืนใหญ่ลากจูงมักจะเคลื่อนที่ตามหน่วยยานเกราะไม่ทัน ส่งผลให้หน่วยยานเกราะต้องพึ่งพาการสนับสนุนทางอากาศจากเครื่องบินดำทิ้งระเบิด Junkers Ju-87 Stuka เป็นหลัก ขณะเดียวกันรถถังเบา Panzer II ซึ่งติดอาวุธเพียงปืนใหญ่อัตโนมัติขนาด 20 มิลลิเมตรก็เริ่มล้าสมัย ไม่สามารถต่อกรกับรถถังรุ่นใหม่ๆได้แล้ว จึงมีแนวคิดที่จะนำรถถัง Panzer II มาถอดป้อมปืนออก ดัดแปลงเป็นปืนใหญ่อัตตาจรเพื่อให้สามารถติดตามไปสนับสนุนยานเกราะได้คล่องตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเยอรมันบุกสหภาพโซเวียตในปฏิบัติการบาร์บารอสซ่า (Operation Barbarossa) เดือนมิถุนายน ค.ศ.1941 เยอรมันได้เผชิญหน้ากับรถถังกลาง T-34 และรถถังหนัก KV-1 และ KV-2 ของโซเวียต ซึ่งสามารถป้องกันกระสุนปืนใหญ่ต่อสู้รถถังของเยอรมันขณะนั้นได้เกือบทุกรุ่น มีเพียงปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 88 มิลลิเมตร Flak-36 เท่านั้นที่รับมือรถถังโซเวียตได้ การพัฒนาปืนใหญ่ต่อสู้รถถังอัตตาจรหรือยานเกราะล่ารถถัง (Panzerjäger) จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนกว่าปืนใหญ่อัตตาจร รถถัง Panzer II จึงถูกนำไปดัดแปลงเป็นยานเกราะล่ารถถัง Marder II ติดปืนใหญ่ต่อสู้รถถัง Pak-40 ขนาด 75 มิลลิเมตร ผลิตออกมาจำนวน 863 คัน ระหว่างปี ค.ศ.1942 – 1943

ในช่วงเวลาเดียวกับที่ยานเกราะล่ารถถัง Marder II เข้าสู่สายการผลิต วิศวกรของบริษัท Alkett ก็เริ่มออกแบบปืนใหญ่อัตตาจร Wespe ขนาด 105 มิลลิเมตรติดตั้งบนตัวรถถัง Panzer II รถต้นแบบถูกผลิตออกมาในช่วงกลางปี ค.ศ.1942 และได้รับอนุมัติในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน แต่กว่าจะได้เข้าสู่สายการผลิตก็ต้องรอถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1943 ใช้โรงงานในโปแลนด์เป็นที่ผลิต ต่อมาเยอรมันได้โอนสายการผลิตตัวรถของรถถัง Panzer II ทั้งหมดไปใช้ในการผลิตปืนใหญ่อัตตาจร Wespe ส่งผลให้สายการผลิตยานเกราะล่ารถถัง Marder II ถูกปิดไปโดยปริยาย

ปืนใหญ่อัตตาจร Wespe มีน้ำหนัก 11 ตัน ใช้พลประจำรถ 5 นาย (ผบ.รถ พลขับ พลยิง และพลบรรจุกระสุน 2 นาย) ใช้เครื่องยนต์ขนาด 140 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะปฏิบัติการ 220 มิลลิเมตร ติดอาวุธปืนใหญ่สนามวิถีโค้งขนาด 105 มิลลิเมตร บรรทุกกระสุน 32 นัด

ปืนใหญ่อัตตาจร Wespe ออกรบครั้งแรกในสมรภูมิคูร์ส (Battle of Kursk) ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1943 และหลังจากนั้นก็ปฏิบัติการในแนวรบด้านตะวันออกเป็นหลัก คอยสนับสนุนหน่วยยานเกราะเยอรมัน เคลื่อนที่ไปตอบโต้การรุกของกองทัพโซเวียตในพื้นที่ต่างๆ การที่หน่วยยานเกราะเยอรมันมีปืนใหญ่อัตตาจรเป็นของตัวเอง คอยให้การสนับสนุนอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ปฏิบัติการของหน่วยยานเกราะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปี ค.ศ.1944 ปืนใหญ่อัตตาจร Wespe บางส่วนถูกส่งไปที่นอร์มังดีในฝรั่งเศสและอันซิโอในอิตาลีเพื่อป้องกันการยกพลขึ้นบกของฝ่ายสัมพันธมิตร

ระหว่างปี ค.ศ.1943 – 1944 เยอรมันผลิตปืนใหญ่อัตตาจร Wespe ออกมาจำนวน 676 คันและรถบรรทุกกระสุนอีก 159 คัน สายการผลิตถูกปิดในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1944 เมื่อกองทัพโซเวียตรุกคืบเข้ามาใกล้โรงงานในโปแลนด์ แต่กองทัพเยอรมันก็ยังคงใช้งานปืนใหญ่อัตตาจร Wespe ต่อไปจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง

สวัสดี

25.05.2021

แสดงความคิดเห็น