ขีดความสามารถรถถังหลัก Type-10 ของญี่ปุ่น

ภาพรถถังหลัก Type-10 ของญี่ปุ่น
(T.Goto/ Wikimedia Commons/ Public Domain)

รถถัง Type-10 เป็นรถถังรุ่นใหม่ล่าสุดของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น พัฒนาโดยบริษัท Mitsubishi เพื่อทดแทนรถถัง Type-74 และ Type-90 โครงการพัฒนารถถัง Type-10 เริ่มขึ้นในปี ค.ศ.2002 มีการสร้างรถต้นแบบชื่อ TK-X ขึ้นในปี ค.ศ.2006 การทดสอบดำเนินต่อเนื่องไปถึงปี ค.ศ.2008 และเปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรกในปีเดียวกัน รถถังรุ่นนี้เข้าสู่สายการผลิตในปี ค.ศ.2010 เป็นที่มาของชื่อรถถัง Type-10 นั่นเอง โดยกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นสั่งซื้อรถถัง Type-10 ชุดแรกจำนวน 13 คัน ได้รับมอบเข้าประจำการในเดือนมกราคม ค.ศ.2012 (สังเกตว่าชื่อรถถังรุ่นนี้ตั้งตามปีที่เข้าสู่สายการผลิต ไม่ใช่ปีที่เข้าประจำการ) ปัจจุบันกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นมีรถถัง Type-10 ใช้งานอยู่ 106 คัน

รถถัง Type-10 มีน้ำหนัก 44 ตัน (48 ตันถ้าเสริมเกราะและบรรทุกกระสุนเต็มอัตรา) เบากว่ารถถัง Type-90 รุ่นก่อนหน้ามาก มีความเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศของญี่ปุ่น มีขนาดยาว 9.48 เมตรเมื่อหันป้อมปืนไปทางด้านหน้า (ตัวรถมีขนาดยาว 6.8 เมตร) กว้าง 3.24 เมตร สูง 2.3 เมตร ใช้พลประจำรถ 3 นาย (พลขับ พลยิง และ ผบ.รถถัง) มีระบบควบคุมและบังคับบัญชาแบบรวมศูนย์หรือ C4I ที่ทันสมัย ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 120 มิลลิเมตร ผลิตโดยบริษัท Japan Steel Works มีระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ ปืนกลร่วมแกน Type-74 ขนาด 7.62 มิลลิเมตร และปืนกลหนัก M2HB ขนาด 12.7 มิลลิเมตรบนหลังคาป้อมปืน มีการเสริมเกราะเซรามิคคอมโพสิตแบบชุดสำเร็จรูป (modular ceramic composite armor) ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ คล้ายกับรถถัง Leopard-2A5 ของเยอรมนีและ Leclerc ของฝรั่งเศส เกราะชนิดนี้สามารถป้องกันจรวด RPG, กระสุนเจาะเกราะ HEAT และจรวดต่อสู้รถถังได้ดี รถถัง Type-10 ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1,200 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะปฏิบัติการ 500 กิโลเมตร

เมื่อปี ค.ศ.2014 ตุรกีมีความสนใจจะซื้อสิทธิบัตรเครื่องยนต์ของรถถัง Type-10 ไปใช้กับรถถัง Altay ที่ตุรกีพัฒนาเอง แต่ดีลดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากข้อจำกัดในกฎหมายของญี่ปุ่นเกี่ยวกับการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์

สวัสดี

03.06.2021

แสดงความคิดเห็น