
(DoDMedia/ Wikimedia Commons/ Public Domain)
ในช่วงทศวรรษ 1930 สหรัฐฯได้พัฒนาแคร่ปืนแบบใหม่สำหรับปืนใหญ่ M1918 สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งมีต้นแบบมาจากปืนใหญ่ C17S ของฝรั่งเศส แต่ในปี ค.ศ.1939 สหรัฐฯก็มองว่าปืนใหญ่ M1918 นั้นล้าสมัยแล้ว ไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนเปลี่ยนแครปืนใหม่ แต่ควรจะพัฒนาปืนใหญ่รุ่นใหม่มาใช้กับแคร่ปืนดังกล่าวเลยจะดีกว่า ปืนใหญ่รุ่นใหม่พัฒนาเสร็จในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1941 ก่อนจะเข้าประจำการในปี ค.ศ.1942 ตอนแรกมีชื่อว่าปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร M1 ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น M114 ในปี ค.ศ.1962
ปืนใหญ่ M114 ผลิตโดยบริษัท Rock Island Arsenal มีน้ำหนัก 5.8 ตัน ขนาดความกว้างปากลำกล้อง 155 มิลลิเมตร ความยาวลำกล้อง 3.564 เมตร สามารถเลือกใช้กระสุนได้หลายชนิดเช่นกระสุนระเบิดแรงสูง กระสุนควัน กระสุนฝึก ฯลฯ มีระยะยิงไกลสุดประมาณ 14.6 กิโลเมตร อัตราการยิง 4 นัดต่อนาที ใช้พลประจำปืน 11 นาย
ปืนใหญ่ M114 อยู่ในสายการผลิตจนถึงปี ค.ศ.1953 สหรัฐฯผลิตปืนใหญ่รุ่นนี้ออกมามากกว่า 10,300 กระบอก ใช้งานตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ก่อนจะทดแทนด้วยปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตรรุ่น M198
ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สองถึงยุคสงครามเย็น สหรัฐฯได้ส่งปืนใหญ่ M114 ให้ประเทศต่างๆมากกว่า 30 ประเทศ เช่น ออสเตรีย, เบลเยียม, บราซิล, แคนาดา, ชิลี, เดนมาร์ก, เอกวาดอร์, ฝรั่งเศส, กรีซ, อิสราเอล, ญี่ปุ่น, เวียดนามใต้, เกาหลีใต้, นอร์เวย์, เนเธอร์แลนด์, ฟิลิปปินส์,โปรตุเกส, สิงคโปร์, สเปน, ไทย, ตุรกี ฯลฯ
กองทัพบกไทยเคยมีปืนใหญ่ M114 ใช้งานอยู่ประมาณ 56 กระบอก แต่ปัจจุบันปลดประจำการแล้ว ในช่วงสมรภูมิร่มเกล้า ปืนใหญ่ M114 เสียเปรียบปืนใหญ่ของลาวมากในเรื่องระยะยิง เนื่องจากปืนใหญ่ M114 มีระยะยิงเพียง 14.6 กิโลเมตร ในขณะที่ปืนใหญ่ M-46 ขนาด 130 มิลลิเมตรที่ลาวได้รับมาจากสหภาพโซเวียต มีระยะยิงถึง 27.5 กิโลเมตร
สวัสดี
13.07.2021