
(Vitaly Kuzmin/ Wikimedia Commons/ CC BY-SA 4.0)
ระหว่างปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน กองทัพโซเวียตพบว่าปืนใหญ่ขนาด 73 มิลลิเมตรลำกล้องสั้นของรถรบทหารราบ BMP-1 และรถรบทหารพลร่ม BMD-1 มีมุมก้ม-เงย และอัตราการยิงไม่เหมาะสมสำหรับรับมือกลุ่มมูจาฮิดีนซึ่งทำการซุ่มโจมตีจากบนที่สูง โซเวียตจึงทำการพัฒนารถรบทหารราบ BMP-2 และรถรบทหารพลร่ม BMD-2 ติดอาวุธปืนใหญ่อัตโนมัติขนาด 30 มิลลิเมตร เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
รถรบทหารพลร่ม BMD-2 เข้าประจำการในปี ค.ศ.1985 (แต่หน่วยทหารบางหน่วยเริ่มได้รับมอบไปใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ.1981) มีน้ำหนัก 8 ตัน ใช้พลประจำรถ 2 นายและสามารถบรรทุกทหารได้ 5 นาย ติดอาวุธปืนใหญ่อัตโนมัติ 2A42 ขนาด 30 มิลลิเมตร ปืนกลร่วมแกน PKT ขนาด 7.62 มิลลิเมตร และจรวดต่อสู้รถถัง 9K111 Fagot (AT-4 Spigot) หรือ 9M113 Konkurs (AT-5 Spandrel) ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ดีเซล 5D-20 V6 ขนาด 240 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะปฏิบัติการ 500 กิโลเมตร มีคุณสมบัติสะเทินน้ำสะเทินบก สามารถเคลื่อนที่ในน้ำด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จุดอ่อนของรถรบทหารพลร่ม BMD-2 คือมีเกราะบางมาก เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักที่ต้องสามารถทิ้งร่มลงจากเครื่องบินลำเลียง Il-76 และต้องเคลื่อนที่ในน้ำได้ด้วย ตัวรถผลิตจากอลูมิเนียมอัลลอย เกราะสามารถป้องกันได้เพียงกระสุนปืนเล็กและสะเก็ดระเบิดเท่านั้น
สายการผลิตรถรบทหารพลร่ม BMD-2 ถูกปิดในปี ค.ศ.1991 หลังรถรบทหารพลร่ม BMD-3 เข้าประจำการ (ปัจจุบันรถรบทหารพลร่มรุ่นใหม่ล่าสุดของรัสเซียคือ BMD-4M) แต่รถรบทหารพลร่ม BMD-2 ยังคงเป็นกำลังรบหลักของหน่วยพลร่มรัสเซียมาจนถึงปัจจุบัน มีประจำการอยู่ประมาณ 1,000 คันและมีสำรองไว้ในคลังอีกประมาณ 1,500 คัน
สวัสดี
17.07.2021