(MKFI/ Wikimedia Commons/ Public Domain)
ช่วงทศวรรษ 1980 กองทัพเกาหลีใต้มีความต้องการจัดหาปืนใหญ่อัตตาจรรุ่นใหม่ เนื่องจากปืนใหญ่อัตตาจรที่เกาหลีใต้ใช้อยู่ในขณะนั้นคือ M107 ผลิตในสหรัฐฯและ K55 ที่เกาหลีใต้ผลิตเองโดยมีต้นแบบมาจากปืนใหญ่อัตตาจร M109A2 ของสหรัฐฯ มีระยะยิงสู้ปืนใหญ่อัตตาจร M-1978 Koksan รุ่นใหม่ของเกาหลีเหนือไม่ได้ โครงการพัฒนาปืนใหญ่อัตตาจร K9 Thunder จึงเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1989 รถต้นแบบคันแรกถูกผลิตออกมาในปี ค.ศ.1994 ก่อนจะเข้าประจำการในปี ค.ศ.1999
ปืนใหญ่อัตตาจร K9 มีน้ำหนัก 47 ตัน มีความยาว 12 เมตรเมื่อหันป้อมปืนไปด้านหน้า กว้าง 3.4 เมตร สูง 2.73 เมตร ใช้พลประจำรถ 5 นายประกอบด้วย ผบ.รถ พลยิง พลยิงผู้ช่วย พลขับ และพลบรรจุกระสุน อาวุธหลักคือปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร ความยาวลำกล้อง 52 คาลิเบอร์ บรรทุกกระสุน 48 นัด มีระยะยิง 18 – 40 กิโลเมตรขึ้นกับชนิดของกระสุน อัตราการยิงสูงสุด 6 นัดต่อนาที อัตราการยิงต่อเนื่อง 2 นัดต่อนาที ส่วนอาวุธรองคือปืนกลเบาขนาด 7.62 มิลลิเมตรหรือปืนกลหนักขนาด 12.7 มิลลิเมตร 1 กระบอก ติดตั้งบนหลังคาป้อมปืน เกราะของ K9 สามารถป้องกันกระสุนปืนเล็กและสะเก็ดระเบิดได้ ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ดีเซล MTU MT 881 Ka500 ขนาด 1,000 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 66 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะปฏิบัติการ 480 กิโลเมตร
ปืนใหญ่อัตตาจร K9 มีระบบควบคุมการยิงและระบบชี้เป้าอัตโนมัติ เมื่อเข้าที่ตั้งยิงแล้วจะใช้เวลาเตรียมการยิงเพียง 30 วินาที และสามารถย้ายที่ตั้งได้ภายในเวลาเพียง 60 วินาที ป้องกันการตอบโต้จากฝ่ายตรงข้าม
ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 ถึงปัจจุบัน กองทัพเกาหลีใต้จัดหาปืนใหญ่อัตตาจร K9 เข้าประจำการมากกว่า 1,178 ระบบ และในปี ค.ศ.2018 ก็ได้พัฒนารุ่นอัพเกรดคือ K9A1 ออกมาด้วย เกาหลีใต้มีแผนจะอัพเกรด K9 ทั้งหมดเป็น K9A1 ภายในปี ค.ศ.2030 และปัจจุบันก็กำลังพัฒนารุ่น K9A2 ด้วย
ปืนใหญ่อัตตาจร K9 มีลูกค้าต่างประเทศได้แก่ฟินแลนด์ อินเดีย เอสโตเนีย และนอร์เวย์ นอกจากนี้โปแลนด์และตุรกีก็ได้ซื้อสิทธิบัตรของ K9 ไปพัฒนาปืนใหญ่อัตตาจร AHS Krab และ T-155 Firtina ตามลำดับ
สวัสดี
22.07.2021
