ASU-85 ปืนใหญ่อัตตาจรของพลร่มโซเวียตยุคสงครามเย็น ที่เวียดนามยังใช้อยู่

ภาพปืนใหญ่อัตตาจร ASU-85 ตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์ในประเทศโปแลนด์
(Kapitel/ Wikimedia Commons/ Public Domain)

หลังปืนใหญ่อัตตาจร ASU-57 (ย่อมาจากคำภาษารัสเซียแปลว่าปืนใหญ่อัตตาจรพลร่มขนาด 57 มิลลิเมตร) เข้าประจำการในหน่วยพลร่ม (VDV) ของโซเวียตได้ไม่นาน โซเวียตก็พบว่าปืนใหญ่ขนาด 57 มิลลิเมตรของปืนใหญ่อัตตาจรรุ่นนี้ล้าสมัยแล้ว โซเวียตจึงเริ่มพัฒนาปืนใหญ่อัตตาจรรุ่นใหม่สำหรับทหารพลร่มในปี ค.ศ.1951 ชื่อโครงการ Object 573 ใช้เวลาในการพัฒนาและแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆนานเกือบ 10 ปี ก่อนที่ปืนใหญ่อัตตาจร ASU-85 (เป็นตัวอักษรย่อของคำภาษารัสเซียแปลว่าปืนใหญ่อัตตาจรพลร่มขนาด 85 มิลลิเมตร) จะเข้าประจำการในปี ค.ศ.1959

ปืนใหญ่อัตตาจร ASU-85 ใช้พลประจำรถ 4 นาย มีน้ำหนัก 15.5 ตัน มีความยาว 8.49 เมตรเมื่อรวมลำกล้องปืนใหญ่ด้วย เฉพาะตัวรถมีขนาดยาว 6 เมตร กว้าง 2.8 เมตร สูง 2.1 เมตร แคร่รถดัดแปลงจากตัวรถถังเบา PT-76 อาวุธหลักคือปืนใหญ่ D-70 ขนาด 85 มิลลิเมตร ซึ่งพัฒนามาจากปืนใหญ่ต่อสู้รถถัง D-48 ขนาด 85 มิลลิเมตร บรรทุกกระสุน 45 นัด ส่วนอาวุธรองคือปืนกลร่วมแกน SGMT หรือ PKT ขนาด 7.62 มิลลิเมตร บรรทุกกระสุน 2,000 นัด นอกจากนี้ ASU-85 บางคันยังมีการติดตั้งปืนกลหนัก DShK-M ขนาด 12.7 มิลลิเมตร บรรทุกกระสุน 600 นัดเพิ่มเติมด้วย เรียกว่ารุ่น ASU-85M เกราะของ ASU-85 ค่อนข้างบาง เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องน้ำหนัก สามารถป้องกันได้เพียงกระสุนปืนเล็กและสะเก็ดระเบิด ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ดีเซล YaMZ-206V ขนาด 210 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะปฏิบัติการ 230 กิโลเมตร ระหว่างปี ค.ศ.1959 – 1966 มี ASU-85 ถูกผลิตออกมาประมาณ 800 คัน

ในปี ค.ศ.1969 โซเวียตเริ่มทยอยปลดประจำการ ASU-85 ทดแทนด้วยรถรบทหารพลร่ม BMD-1 แต่ ASU-85 บางส่วนยังคงถูกใช้งานต่อไปจนถึงปี ค.ศ.1993 และได้ออกปฏิบัติการในอัฟกานิสถานด้วย

โปแลนด์ได้รับมอบ ASU-85 จำนวน 31 คันมาใช้งานในปี ค.ศ.1966 อยู่ในสังกัดกองพันปืนใหญ่อัตตาจรที่ 35 (35th Self-propelled Artillery Squadron) ขึ้นตรงต่อกองพลพลร่มปอเมอเรเนียที่ 6 (6th Pomeranian Airborne Division) โปแลนด์ปลดประจำการปืนใหญ่อัตตาจรรุ่นนี้ในปี ค.ศ.1976

ในปี ค.ศ.1970 เวียดนามได้รับมอบ ASU-57 จำนวน 25 คันและ ASU-85 อีกจำนวนหนึ่งจากสหภาพโซเวียต ปัจจุบันเวียดนามปลดประจำการ ASU-57 แล้ว แต่ยังคงใช้งาน ASU-85 อยู่ เป็นประเทศเดียวในโลกที่ยังประจำการปืนใหญ่อัตตาจรรุ่นนี้ และเมื่อปี ค.ศ.2016 ก็มีข่าวว่าเวียดนามสนใจจะให้เบลารุสทำการอัพเกรด ASU-85 ให้ โดยจะทำการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเพิ่มระยะปฏิบัติการเป็น 450 กิโลเมตร

สวัสดี

23.07.2021

แสดงความคิดเห็น