เครื่องบินรบอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่สอง

กองทัพอากาศอังกฤษ (Royal Air Force – RAF) เป็นหนึ่งในเหล่าทัพที่มีบทบาทสำคัญในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะในยุทธเวหาเหนือเกาะอังกฤษ (Battle of Britain), การทิ้งระเบิดเยอรมนี และการยกพลขึ้นบกในนอร์มังดี เป็นต้น ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักเครื่องบินรบบางรุ่นของอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่สองกันครับ

เครื่องบินขับไล่ Hawker Hurricane

ภาพเครื่องบินขับไล่ Hawker Hurricane Mark I ของอังกฤษในฝรั่งเศส ค.ศ.1939 – 1940
(Royal Air Force official photographer, Devon S A (Mr) – © IWM C 1682)

เครื่องบินขับไล่ Hawker Hurricane ออกแบบและผลิตโดยบริษัท Hawker Aircraft Limited สำหรับกองทัพอากาศอังกฤษ เข้าสู่สายการผลิตในปี ค.ศ.1937 พัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องบินขับไล่ปีกสองชั้น Hawker Fury รุ่นเก่า ในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่สองถือว่าค่อนข้างล้าสมัยแล้ว แต่เครื่องบินขับไล่ Hurricane มีจุดเด่นที่บำรุงรักษาง่ายกว่าเครื่องบินขับไล่ Supermarine Spitfire ใช้เครื่องยนต์ Rolls-Royce Merlin V12 มีความเร็วสูงสุด 547 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ติดอาวุธปืนกล 8 กระบอก มีบทบาทในแทบทุกสมรภูมิของสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะในยุทธเวหาเหนือเกาะอังกฤษ เครื่องบินขับไล่ Hurricane มีความคล่องตัวน้อยกว่าเครื่องบินขับไล่ Messerschmitt Bf 109 ของเยอรมนี อังกฤษจึงเน้นใช้เครื่องบินขับไล่รุ่นนี้ในการจัดการกับเครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมันเป็นหลัก ส่วนการรับมือเครื่องบินขับไล่เยอรมันจะเป็นหน้าที่ของเครื่องบินขับไล่ Spitfire ระหว่างยุทธเวหาเหนือเกาะอังกฤษ เครื่องบินขับไล่ Hurricane สามารถยิงเครื่องบินรบเยอรมันตกถึง 656 ลำ มากกว่าเครื่องบินขับไล่ Spitfire โดยอังกฤษสูญเสียเครื่องบินขับไล่ Hurricane ไป 404 ลำ กองทัพอากาศอังกฤษยังใช้งานเครื่องบินขับไล่ Hurricane ในสมรภูมิทะเลทรายแอฟริกาเหนือและในตะวันออกไกลด้วย นอกจากนี้บางส่วนยังถูกส่งให้สหภาพโซเวียตใช้งานในแนวรบด้านตะวันออก แต่นักบินโซเวียตไม่ประทับใจเครื่องบินขับไล่รุ่นนี้เท่าไหร่เพราะมีขีดความสามารถด้อยกว่าทั้งเครื่องบินขับไล่ของเยอรมันและโซเวียตในขณะนั้น เมื่อสายการผลิตเครื่องบินขับไล่ Hurricane ถูกปิดในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1944 ก็มีเครื่องบินรุ่นนี้ถูกผลิตในอังกฤษและแคนาดาออกมามากกว่า 14,487 ลำ

เครื่องบินขับไล่ Supermarine Spitfire

ภาพเครื่องบินขับไล่ Supermarine Spitfire Mark I ของอังกฤษ วันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ.1940 ระหว่าง The Battle of Britain
(Daventry B J (F/O), Royal Air Force official photographer – © IWM CH 740)

เครื่องบินขับไล่ Supermarine Spitfire เป็นหนึ่งในเครื่องบินรบที่มีชื่อเสียงที่สุดสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ออกแบบโดย Reginald Mitchell เข้าประจำการในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1938 มีความซับซ้อนและใช้เวลาในการผลิตนานกว่าเครื่องบินขับไล่ Hawker Hurricane แต่มีความทันสมัยและประสิทธิภาพมากกว่า มีขีดความสามารถใกล้เคียงกับเครื่องบินขับไล่ Messerschmitt Bf 109 ของเยอรมนี เครื่องบินขับไล่ Spitfire รุ่นแรกๆใช้เครื่องยนต์ Rolls-Royce Merlin ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ Griffon ในรุ่นหลังๆ มีความเร็วสูงสุด 594 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระหว่างยุทธเวหาเหนือเกาะอังกฤษ เครื่องบินขับไล่ Spitfire เป็นกำลังหลักในการรับมือเครื่องบินขับไล่ของเยอรมนี สามารถยิงเครื่องบินรบเยอรมันตกถึง 529 ลำ โดยอังกฤษสูญเสียเครื่องบินขับไล่ Spitfire ไปเพียง 230 ลำ หลังจากนั้นอังกฤษก็ใช้งานเครื่องบินขับไล่รุ่นนี้ทั้งในสมรภูมิแอฟริกาเหนือ มอลตา อิตาลี นอร์มังดี และในภาคตะวันออกไกล เครื่องบินขับไล่ Spitfire อยู่ในสายการผลิตจนถึงปี ค.ศ.1948 ถูกผลิตออกมามากกว่า 20,351 ลำ

เครื่องบินตอร์ปิโด Fairey Swordfish

ภาพเครื่องบินตอร์ปิโด Fairey Swordfish Mk I ของอังกฤษ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
(Beadell, S J (Lt), Royal Navy official photographer – © IWM A 3536)

Fairey Swordfish เป็นเครื่องบินตอร์ปิโดปีกสองชั้น ออกแบบโดย Fairey Aviation Company Limited ในช่วงต้นทศวรรษ 1930 เข้าสู่สายการผลิตในปี ค.ศ.1936 ผู้ใช้งานหลักคือกองทัพเรืออังกฤษ แม้ในสงครามโลกครั้งที่สองเครื่องบินรบรุ่นนี้จะถือว่าล้าสมัยแล้ว แต่เครื่องบินตอร์ปิโด Swordfish ก็ประสบความสำเร็จในหลายสมรภูมิเช่นการโจมตีฐานทัพเรือตารันโตของอิตาลี (Battle of Taranto) ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1940 และมีบทบาทสำคัญในการจมเรือประจัญบาน Bismarck ของเยอรมนีในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1941 ส่งผลให้อังกฤษใช้งานเครื่องบินตอร์ปิโดรุ่นนี้ต่อไปจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เครื่องบินตอร์ปิโด Swordfish อยู่ในสายการผลิตจนถึงปี ค.ศ.1944 ถูกผลิตออกมามากกว่า 2,391 ลำ

เครื่องบินทิ้งระเบิด Avro Lancaster

ภาพเครื่องบินทิ้งระเบิด Avro Lancaster Mk I สังกัดฝูงบินที่ 83 ของอังกฤษ เดือนมิถุนายน ค.ศ.1942
(Daventry B J (Flying Officer), Royal Air Force official photographer – © IWM CH 6071)

เครื่องบินทิ้งระเบิด Avro Lancaster เป็นหนึ่งในเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีชื่อเสียงที่สุดของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง คู่กับป้อมบิน B-17 Flying Fortress และ B-29 Superfortress ของสหรัฐฯ เข้าประจำการในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1942 ถูกผลิตออกมามากกว่า 7,377 ลำ ใช้เครื่องยนต์ Merlin ขนาด 1,460 แรงม้า 4 เครื่องยนต์ มีความเร็วสูงสุด 450 กิโเมตรต่อชั่วโมง เพดานบินสูงสุด 7,500 เมตร พิสัยบินไกลสุด 2,670 กิโลเมตร สามารถบรรทุกระเบิดหนัก 6,350 กิโลกรัม ใช้ในภารกิจทิ้งระเบิดเยอรมนีเวลากลางคืนเป็นหลัก แต่บางครั้งก็ถูกใช้ในภารกิจสำคัญอื่นๆด้วยเช่นภารกิจบินทลายเขื่อน (Operation Chastise) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1943 และการทิ้งระเบิด Tallboy จมเรือประจัญบาน Tirpitz เป็นต้น

เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Hawker Typhoon

ภาพเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Typhoon Mark IB ของเรืออากาศเอก Walter Dring สังกัดฝูงบินที่ 183 กองทัพอากาศอังกฤษ
(Miller (P/O), Royal Air Force official photographer – © IWM CH 9289)

Hawker Typhoon หรือชื่อเล่นว่า Tiffy เดิมถูกพัฒนาขึ้นเป็นเครื่องบินขับไล่ทดแทน Hawker Hurricane แต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดแทน ติดอาวุธปืนใหญ่อากาศขนาด 20 มิลลิเมตร 4 กระบอก มีความเร็วสูงสุด 670 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เข้าประจำการในปี ค.ศ.1941 หลังเครื่องบินขับไล่รุ่นนี้เข้าประจำการได้ไม่นานก็ถูกส่งออกไปปะทะกับเครื่องบินขับไล่ Focke-Wulf Fw 190 ของเยอรมนี แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะมีปัญหาเครื่องยนต์ ต้องใช้เวลาแก้ไขถึงช่วงปลายปี ค.ศ.1942 จึงเริ่มใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ฝ่ายสัมพันธมิตรใช้งานเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Typhoon อย่างแพร่หลายระหว่างสมรภูมินอร์มังดีในปี ค.ศ.1944 สามารถทำลายรถถังและยานยนต์ของกองทัพเยอรมันได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Typhoon ยังสามารถใช้สกัดระเบิดบิน V-1 ได้ด้วย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองมีเครื่องบินรบรุ่นนี้ผลิตออกมามากกว่า 3,317 ลำ

สวัสดี

01.11.2021

แสดงความคิดเห็น