
(Vitaly Kuzmin / CC BY-SA 4.0)
สื่อ Rossiyskaya Gazeta รายงานว่ารัสเซียจะเสริมกำลังระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-350 Vityaz ให้หน่วยป้องกันภัยทางอากาศทางใต้ของประเทศ รวมถึงในไครเมีย ซึ่งปัจจุบันใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 Triumf และ Pantsir เป็นกำลังรบหลักอยู่
ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-350 Vityaz เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางรุ่นใหม่ของรัสเซีย พัฒนาขึ้นมาทดแทนระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PS รุ่นเก่าซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ยุค 80 รถฐานยิงคันหนึ่งบรรทุกจรวด 12 ลูก ระยะยิง 60 กิโลเมตร เมื่อนำมาวางกำลังร่วมกับ S-400 ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกล มีระยะยิงไกลสุด 400 กิโลเมตร และระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยใกล้ Pantsir ซึ่งมีระยะยิง 20 – 40 กิโลเมตรขึ้นกับรุ่น ก็จะช่วยให้เครือข่ายระบบป้องกันภัยทางอากาศมีความสมบูรณ์มากขึ้น นอกจากนี้การที่รถฐานยิงของ S-350 Vityaz สามารถบรรทุกจรวดจำนวนมาก ต่างจากรถฐานยิงของ S-400 ที่คันหนึ่งสามารถบรรทุกจรวดได้เพียง 4 ลูก ยังช่วยให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศรุ่นนี้มีความเหมาะสมในการใช้รับมือการโจมตีด้วยจรวดร่อนหรือฝูงโดรนจำนวนมากด้วย
หนึ่งในภัยคุกคามสำคัญต่อรัสเซียก็คือเรือรบสหรัฐฯที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในทะเลดำอยู่เป็นประจำ เรือรบเหล่านี้บรรทุกจรวดร่อน Tomahawk ซึ่งมีระยะยิงไกลสุดกว่า 2,500 กิโลเมตร ถ้าทำการยิงจากในทะเลดำหรือทะเลบอลติกก็จะมีระยะยิงครอบคลุมเมืองและพื้นที่สำคัญส่วนใหญ่ทางซีกตะวันตกของรัสเซียได้ โดยเรือพิฆาตชั้น Arleigh Burke ลำหนึ่งสามารถบรรทุกจรวดร่อน Tomahawk ได้สูงสุดถึง 96 ลูก ขณะที่เรือลาดตระเวนชั้น Ticonderoga ลำหนึ่งสามารถบรรทุกจรวดร่อน Tomahawk ได้สูงสุดถึง 122 ลูก เป็นสาเหตุที่รัสเซียคอยจับตามองเรือรบสหรัฐฯที่เข้ามาปฏิบัติการใกล้ชายฝั่งรัสเซียอยู่ตลอด นอกจากจรวดร่อนบนเรือรบสหรัฐฯแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ยังมีข่าวในสื่อ Forbes รายงานว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯกำลังฝึกใช้ยุทธวิธีใหม่ในการจมเรือรบรัสเซีย และแผนของสหรัฐฯก็คือการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-1B Lancer ระดมยิงจรวดร่อนอากาศสู่พื้น LRASM จำนวนมากใส่กองเรือรบของรัสเซียจากระยะไกล โดย B-1B ลำหนึ่งสามารถบรรทุกจรวด LRASM ได้สูงสุด 24 ลูก เมื่อรัสเซียเผชิญภัยคุกคามจากการถูกโจมตีด้วยจรวดร่อนจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเสริมกำลังระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-350 Vityaz เตรียมพร้อมไว้นั่นเอง
สวัสดี
10.11.2021