ปืนใหญ่ลากจูงขนาด 180 มิลลิเมตร S-23 ของสหภาพโซเวียต

ภาพปืนใหญ่ลากจูง S-23 ตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
(One half 3544/ Wikimedia Commons/ Public Domain)

ปืนใหญ่ลากจูงขนาด 180 มิลลิเมตร S-23 ของสหภาพโซเวียต เป็นปืนใหญ่หนักที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงต้นยุคสงครามเย็น โดยใช้พื้นฐานมาจากปืนเรือ เพื่อใช้ในภารกิจการยิงสนับสนุนระยะไกล ปืนใหญ่รุ่นนี้มีระยะยิงไกลกว่าปืนใหญ่ส่วนใหญ่ในยุคสมัยเดียวกันมาก ต้องใช้เวลานานเกือบสิบปีถึงจะเริ่มมีการพัฒนาปืนใหญ่ที่มีระยะยิงใกล้เคียงกันออกมาใช้งานอย่างแพร่หลาย

โครงการพัฒนาปืนใหญ่ S-23 ขนาด 180 มิลลิเมตร เริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1944 ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง ที่สำนักออกแบบของนายวาซีลี กราบิน (Vasiliy Gavrilovich Grabin) วิศวกรโซเวียตที่มีบทบาทในการออกแบบปืนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูงหลายรุ่น ปืนใหญ่ S-23 ตัวต้นแบบถูกพัฒนาเสร็จในปี ค.ศ.1948 แต่กองทัพโซเวียตพึ่งจะเริ่มจัดหาปืนใหญ่รุ่นนี้เข้าประจำการในปี ค.ศ.1955 และถูกผลิตออกมาเพียง 7 กระบอกเท่านั้น ก่อนจะปิดสายการผลิตไปในปีเดียวกัน สาเหตุหนึ่งเกิดจากในขณะนั้นอาวุธประเภทจรวดเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นแข่งกับปืนใหญ่ ในช่วงแรกๆ NATO เชื่อว่าปืนใหญ่รุ่นนี้มีความกว้างปากลำกล้อง 203 มิลลิเมตร จึงตั้งชื่อในระบบ NATO ผิดเป็นปืนใหญ่วิถีโค้งขนาด 203 มิลลิเมตร M1955

ปืนใหญ่ S-23 มีน้ำหนัก 21.45 ตัน มีขนาดกว้าง 2.99 เมตร ยาว 10.48 เมตร สูง 2.62 เมตร มีความกว้างปากลำกล้อง 180 มิลลิเมตร ความยาวลำกล้อง 8.8 เมตร ใช้พลประจำปืน 14 – 16 นาย กระสุนระเบิดแรงสูง (HE) มีระยะยิงไกลสุด 30.4 กิโลเมตร แต่ถ้าใช้กระสุนต่อระยะจะมีระยะยิงเพิ่มขึ้นเป็น 43.8 กิโลเมตร ไกลกว่าปืนใหญ่เกือบทุกรุ่นในสมัยนั้น อัตราการยิงสูงสุด 1 นัดต่อนาที อัตราการยิงต่อเนื่อง 1 นัดทุกสองนาที จะเห็นได้ว่าแม้ปืนใหญ่ S-23 จะมีจุดเด่นที่ระยะยิงไกล แต่ก็มีข้อด้อยสำคัญคือน้ำหนักมาก ความคล่องตัวต่ำ

แม้กองทัพโซเวียตจะจัดหาปืนใหญ่ S-23 เข้าประจำการจำนวนน้อย แต่เมื่อสหรัฐฯสามารถพัฒนาปืนใหญ่อัตตาจร M107 ขนาด 175 มิลลิเมตร ซึ่งมีระยะยิงไกลสุดถึง 40 กิโลเมตร ได้สำเร็จในช่วงยุค 60 และนำมาใช้งานในสงครามเวียดนาม (Vietnam War) ก่อนจะเริ่มส่งให้อิสราเอลในปี ค.ศ.1971 สหภาพโซเวียตจึงตัดสินใจเปิดสายการผลิตปืนใหญ่ S-23 ขึ้นมาอีกครั้งในปีเดียวกัน เพื่อใช้ส่งให้ประเทศพันธมิตร โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันออกกลางเช่นซีเรียและอียิปต์ ปืนใหญ่ S-23 ถูกใช้งานในสงครามยมคิปปูร์ (Yom Kippur War) ค.ศ.1973 และสงครามกลางเมืองเลบานอน (Lebanese Civil War) ช่วงทศวรรษ 1980 อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานั้นกองทัพโซเวียตได้ปลดประจำการปืนใหญ่ S-23 ไปแล้ว ทดแทนด้วยปืนใหญ่อัตตาจร 2S7 Pion ขนาด 203 มิลลิเมตรและขีปนาวุธ FROG-7

ปัจจุบันประเทศผู้ใช้งานปืนใหญ่ S-23 ส่วนใหญ่ได้ปลดประจำการปืนใหญ่รุ่นนี้ไปแล้ว เหลือเพียงซีเรียที่ยังคงใช้งานปืนใหญ่ S-23 จำนวนหนึ่งอยู่ นอกจากนี้ข้อมูลบางแหล่งก็ระบุว่าเกาหลีเหนือได้นำอะไหล่บางส่วนของปืนใหญ่ S-23 ไปใช้ในการพัฒนาปืนใหญ่อัตตาจร M-1978 Koksan ด้วย

สวัสดี

10.11.2021

แสดงความคิดเห็น