M65 Atomic Annie ปืนใหญ่นิวเคลียร์ของสหรัฐฯสมัยสงครามเย็น

ภาพการทดสอบยิงกระสุนนิวเคลียร์ขนาด 15 กิโลตันด้วยปืนใหญ่ M65 Atomic Annie ที่สนามทดสอบเนวาดา วันที่ 25 พฤษภาคม 1953 (Federal government of the United States)

เมื่อสงครามเย็น (Cold War) เริ่มก่อตัวขึ้นในทวีปยุโรป ชาติตะวันตกต่างกังวลถึงภัยคุกคามจากกองทัพโซเวียต ซึ่งมีกำลังรบโดยเฉพาะยานเกราะจำนวนมากมายมหาศาล สหรัฐฯจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีขนาดเล็กสำหรับใช้ในแนวหน้า เพื่อป้องปรามสหภาพโซเวียต ประกอบกับกองทัพบกสหรัฐฯต้องการหาข้ออ้างในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองแบบเหล่าทัพอื่นๆบ้าง โครงการพัฒนาปืนใหญ่นิวเคลียร์ M65 หรือชื่อเล่นว่า Atomic Annie ขนาด 280 มิลลิเมตร จึงถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ.1949 ใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 3 ปี

ปืนใหญ่ M65 มีต้นแบบมาจากปืนใหญ่รางรถไฟ Krupp K5 ของนาซีเยอรมนีสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งทหารอเมริกันเคยเผชิญหน้าด้วยระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อันซิโอในอิตาลี และตั้งฉายาให้ว่า Anzio Annie เป็นที่มาของชื่อเล่น Atomic Annie นั่นเอง ปืนใหญ่ M65 มีน้ำหนัก 85 ตัน มีขนาดยาว 26 เมตร กว้าง 3 เมตร สูง 3.71 เมตร ใช้รถแทรกเตอร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ 2 คันในการลากจูง คล้ายตู้รถไฟ แต่ละคันขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 375 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเตรียมการยิงประมาณ 12 นาที หลังทำการยิงแล้วจะใช้เวลาเตรียมย้ายที่ตั้งประมาณ 15 นาที มีระยะยิงประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้พลประจำปืน 5 – 7 นาย

สหรัฐฯทำการทดสอบยิงปืนใหญ่ M65 โดยใช้กระสุนปกติที่สนามทดสอบอเบอร์ดีน (Aberdeen Proving Grounds) ครั้งแรกในปี ค.ศ.1952 และต่อมาในวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ.1953 ก็ได้ทำการทดสอบยิงกระสุนนิวเคลียร์ครั้งแรกและครั้งเดียวที่สนามทดสอบเนวาดา (Nevada Proving Ground) เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ชนิดต่างๆของสหรัฐฯ ชื่อปฏิบัติการ Upshot–Knothole การทดสอบยิงกระสุนนิวเคลียร์ด้วยปืนใหญ่ M65 ใช้รหัสว่า Grable ส่งผลให้เกิดแรงระเบิดเทียบเท่า TNT 15 กิโลตัน เท่ากับระเบิดปรมาณู Little Boy ที่สหรัฐฯทิ้งที่เมืองฮิโรชิมา (Hiroshima) ของญี่ปุ่น มากพอจะกวาดล้างข้าศึกทั้งกองพลได้ในนัดเดียว

สหรัฐฯผลิตปืนใหญ่ M65 ออกมา 20 กระบอก และส่งไปวางกำลังในยุโรปและเกาหลีใต้ เพื่อป้องปรามสหภาพโซเวียต ที่ตั้งของปืนใหญ่เหล่านี้ถูกปิดเป็นความลับและมีการเคลื่อนย้ายอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเนื่องจากปืนใหญ่รุ่นนี้มีขนาดใหญ่ ขาดความคล่องตัว และระยะยิงจำกัด ประกอบกับเทคโนโลยีของอาวุธประเภทจรวดและขีปนาวุธได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สหรัฐฯตัดสินใจปลดประจำการปืนใหญ่รุ่นนี้ในปี ค.ศ.1963 หลังทดสอบยิงครั้งแรกและครั้งเดียวได้เพียง 10 ปี

สวัสดี

14.11.2021

แสดงความคิดเห็น