อังกฤษกู้ซาก F-35 ขึ้นจากก้นทะเลเมดิเตอเรเนียน

ภาพเครื่องบินขับไล่ F-35B Lightning II ของอังกฤษ ขึ้นบินจากฐานทัพอากาศในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ค.ศ.2013
(Photo: Harland Quarrington/MOD)

สื่อ Sputnik รายงานว่าอังกฤษร่วมมือกับสหรัฐนและอิตาลี สามารถกู้ซากเครื่องบินขับไล่ F-35B Lightning II ของกองทัพอากาศอังกฤษ (Royal Air Force – RAF) ที่ตกขณะขึ้นบินจากเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth ในทะเลเมดิเตอเรเนียน เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้แล้ว โดยใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ในการค้นหาตำแหน่งซากเครื่องบิน และอีก 1 สัปดาห์ในการยกซากขึ้นมาจากก้นทะเล หลังจากนี้ซากของ F-35 ดังกล่าวก็จะถูกส่งไปยังฐานทัพเรือของ NATO ในทะเลเมดิเตอเรเนียน เพื่อค้นหาสาเหตุการตกต่อไป

การเก็บกู้ซากเครื่องบินขับไล่ F-35 มีความสำคัญ นอกเหนือจากการค้นหาสาเหตุการตกแล้ว ยังเป็นการป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีระดับสูงอื่นๆ ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้ามเช่นจีนและรัสเซีย เคยมีตัวอย่างมาแล้วเช่นเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ.1968 เกิดเหตุเรือดำน้ำ K-129 ของโซเวียตจมในมหาสมุทรแปซิฟิก กองทัพเรือโซเวียตหาตำแหน่งซากเรือไม่พบ จึงไม่สามารถช่วยเหลือลูกเรือหรือกู้ซากเรือขึ้นมาจากก้นมหาสมุทรได้ เมื่อสหรัฐฯทราบข่าวก็ทำการค้นหาตำแหน่งซากเรือจนพบในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน และต่อมาในปี ค.ศ.1974 หน่วยข่าวกรอง CIA ก็ทำปฏิบัติการลับ Project Azorian สามารถกู้ซากเรือดำน้ำ K-129 บางส่วนขึ้นมาได้ พร้อมกับขีปนาวุธ R-21 ในสภาพสมบูรณ์จำนวน 1 ลูกและเอกสารลับอื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง เป็นประโยชน์ต่อหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการต่อต้านข่าวกรอง ถ้ามีการสูญเสียยุทโธปกรณ์ระดับสูงไปในทะเล ก็จำเป็นต้องมีการค้นหาเพื่อเก็บกู้ซากหรือไม่ก็ทำลายทิ้ง เพื่อไม่ให้ตกไปอยู่ในมือฝ่ายตรงข้าม

สวัสดี

08.12.2021

แสดงความคิดเห็น