วาเลนไทน์ (Valentine) รถถังที่ถูกใช้งานในทุกสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่สอง

ภาพรถถัง Valentine Mk.III (Valentine VI) ตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์รถถัง Kubinka รัสเซีย
(Галин Владимир Петрович/ Wikimedia Commons/ Public Domain)

จุดเด่นอย่างหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สองที่แตกต่างจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คือมีลักษณะเป็นสงครามโลกอย่างแท้จริง สมรภูมิสำคัญๆไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในทวีปยุโรป แต่ขยายออกทั่วโลกทั้งในยุโรปตะวันตก แอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันออก สงครามแปซิฟิก เป็นต้น มีประเทศคู่สงคราม อาวุธยุทโธปกรณ์ และหลักนิยมยุทธวิธีการรบที่หลากหลาย อย่างไรก็ตามมียุทโธปกรณ์บางรุ่นที่ถูกใช้งานในแทบทุกสมรภูมิ หนึ่งในนั้นคือรถถัง Valentine ของอังกฤษ ซึ่งถูกผลิตออกมามากกว่า 8,275 คัน (ผลิตในอังกฤษ 6,855 คันและผลิตในแคนาดา 1,420 คัน) ข้อมูลบางแหล่งระบุว่าสาเหตุที่รถถังรุ่นนี้ถูกตั้งชื่อว่า Valentine เนื่องจากแบบของรถถังรุ่นนี้ถูกนำเสนอในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์พอดี

รถถังอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ ชนิดแรกคือรถถังเบา (Light Tank) ใช้ในภารกิจลาดตระเวน, ชนิดต่อมาคือรถถังทหารราบ (Infantry Tank) ใช้ในภารกิจสนับสนุนทหารราบ หุ้มเกราะหนา มีความเร็วต่ำ เพราะต้องเคลื่อนที่ไปพร้อมกับทหารราบ ตัวอย่างรถถังประเภทนี้เช่น Matilda ส่วนรถถังชนิดที่สามคือรถถังครุยเซอร์ (Cruiser Tank) เป็นรถถังที่มีความเร็วสูง ใช้งานในหน่วยทหารม้า ตัวอย่างรถถังประเภทนี้ได้แก่รถถัง A15 Crusader และรถถัง A27 Cromwell

รถถัง Valentine เป็นรถถังทหารราบ พัฒนาโดยบริษัท Vickers-Armstrongs ในปี ค.ศ.1938 โดยใช้พื้นฐานจากรถถังครุยเซอร์ A10 Cruiser Mk.II นำมาเสริมเกราะหนาขึ้น ส่งผลให้สามารถใช้อะไหล่ร่วมกันได้ สะดวกต่อการซ่อมบำรุงและมีราคาไม่แพง ส่งผลให้กองทัพอังกฤษให้ความสนใจ แม้ในขณะนั้นจะมีรถถังทหารราบอีกรุ่นหนึ่งคือ Matilda อยู่ในสายการผลิตแล้วก็ตาม โดยกองทัพอังกฤษต้องการให้บริษัท Vickers แก้ไขแบบป้อมปืนใหม่ จากที่มีพื้นที่สำหรับพลประจำรถ 2 นายเป็น 3 นาย เพื่อลดภาระของ ผบ.รถถัง (รถถัง Valentine เกือบทุกรุ่นมีพลประจำรถเพียง 3 นายคือพลขับ พลยิง และ ผบ.รถถัง มีเพียงรุ่น Mk.III และ Mk.V เท่านั้นที่มีตำแหน่งพลบรรจุเพิ่มขึ้นมา) แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ.1939 กองทัพอังกฤษจึงทำการอนุมัติแบบ และตัดสินใจจัดหารถถัง Valentine อย่างเร่งด่วน พร้อมกับขอให้ผู้ผลิตทำการผลิตและส่งมอบโดยเร็วที่สุดด้วย กำหนดส่งมอบรถถังชุดแรกคือเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1940

เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้นในทวีปยุโรป บริษัท Vickers ได้รับมอบหมายให้มุ่งเน้นการผลิตรถถังเป็นหลัก เมื่อรถถัง Valentine ชุดแรกเริ่มเข้ารับการทดสอบในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1940 ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ฝ่ายสัมพันธมิตรพ่ายแพ้ในยุโรปตะวันตก และอังกฤษต้องทำการอพยพทหารออกจากดังเคิร์ก (Dunkirk) โดยต้องทิ้งอาวุธหนักรวมถึงรถถังส่วนใหญ่ไว้ เมื่อรถถัง Valentine ผ่านการทดสอบแล้วจึงถูกผลิตออกมาจำนวนมากอย่างเร่งด่วนเพื่อทดแทนยุทโธปกรณ์ที่สูญเสียไป เมื่อถึงสิ้นเดือนกันยายนก็มีรถถังรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาจำนวน 109 คัน และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ รถถัง Valentine ถูกส่งไปยังสมรภูมิแอฟริกาเหนือเป็นแห่งแรก แม้รถถังรุ่นนี้จะเป็นรถถังทหารราบ แต่ก็ถูกใช้ในบทบาทรถถังครุยเซอร์อยู่ระยะหนึ่งด้วย เนื่องจากอังกฤษขาดแคลนรถถัง

รถถัง Valentine ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในสมรภูมิแอฟริกาเหนือ นับตั้งแต่ช่วงปฏิบัติการครูเซเดอร์ (Operation Crusader) ไปจนถึงการสู้รบในตูนิเซีย ข้อด้อยของรถถังรุ่นนี้คือมีอำนาจการยิงต่ำ เนื่องจากติดอาวุธเพียงปืนใหญ่ขนาด 2 ปอนด์ (40 มิลลิเมตร) เท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับใช้ต่อสู้รถถัง กองทัพน้อย Afrika Korps ของเยอรมันสามารถยึดรถถัง Valentine ได้จำนวนหนึ่งแล้วนำกลับมาใช้ ตั้งชื่อให้ว่า Panzerkampfwagen Mk III 749 (e)

จุดอ่อนเรื่องอำนาจการยิงส่งผลให้มีการพัฒนารถถัง Valentine รุ่นใหม่ติดปืนใหญ่ขนาด 6 ปอนด์ (57 มิลลิเมตร) แต่โครงการเกิดความล่าช้า ผลิตออกมาไม่เพียงพอกับความต้องการ เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่เกาะซิซิลี (Sicily) และอิตาลีในปี ค.ศ.1943 รถถัง Valentine ในแนวหน้าส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นรุ่นที่ใช้ปืนใหญ่ขนาด 2 ปอนด์ กว่ารถถัง Valentine รุ่นติดปืนใหญ่ขนาด 6 ปอนด์จะถูกผลิตออกมาจำนวนมากพอก็ต้องรอถึงปี ค.ศ.1944 ถึงตอนนั้นขีดความสามารถของรถถังรุ่นนี้ก็ไม่สามารถรับมือรถถังรุ่นใหม่ๆของเยอรมันอย่างรถถัง Tiger I และ Panther ได้แล้ว รถถัง Valentine จึงถูกลดบทบาทในแนวรบด้านตะวันตกลง แทนที่ด้วยรถถัง M4 Sherman และ Cromwell ส่วนรถถัง Valentine ที่เหลืออยู่ก็ถูกใช้เป็นรถถังฝึกหรือรถถังบัญชาการแทน

ในแนวรบด้านตะวันออก เมื่อเยอรมนีบุกสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ.1941 รถถัง Valentine ก็เป็นหนึ่งในยุทโธปกรณ์ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรส่งไปช่วยโซเวียตตามโครงการยืม-เช่า (Lend-Lease) โดยมีรถถัง Valentine ถูกส่งไปยังแนวรบด้านตะวันออกทั้งหมด 3,782 คัน เกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ผลิตออกมาทั้งหมด แต่สูญเสียไประหว่างทางจำนวน 450 คัน เนื่องจากเรือลำเลียงถูกฝ่ายเยอรมันจม ส่งผลให้โซเวียตได้รับรถถังรุ่นนี้เพียง 3,332 คัน เป็นรถถังที่ผลิตในอังกฤษ 2,124 คัน ผลิตในแคนาดา 1,208 คัน โดยภาพรวมพลรถถังโซเวียตค่อนข้างประทับใจรถถังรุ่นนี้ เนื่องจากมีขนาดเล็ก ตกเป็นเป้าได้ยาก หุ้มเกราะหนา ประสิทธิภาพไว้ใจได้ แต่รถถัง Valentine มีข้อเสียคือเคลื่อนที่ได้ช้า (ซึ่งเป็นลักษณะปกติของรถถังทหารราบ) และอำนาจการยิงต่ำ ตอนแรกโซเวียตพยายามเปลี่ยนปืนใหญ่ของรถถัง Valentine จากขนาด 2 ปอนด์ (40 มิลลิเมตร) เป็น 76 มิลลิเมตร แต่ปรากฏว่าป้อมปืนของรถถัง Valentine เล็กเกินไป ไม่สามารถรองรับปืนใหญ่ขนาดดังกล่าวได้ ต่อมาโซเวียตทดลองติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 45 มิลลิเมตรแทน แต่อำนาจการยิงก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต่อมาเมื่ออังกฤษส่งรถถัง Valentine Mk.IX รุ่นใหม่ ติดปืนใหญ่ขนาด 6 ปอนด์ (57 มิลลิเมตร) มาให้ จึงสามารถแก้ปัญหาเรื่องอำนาจการยิงได้ ต่อมาเมื่อโซเวียตประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1945 รถถัง Valentine ก็ถูกใช้ในการบุกเข้าแมนจูเรีย ร่วมกับรถถังโซเวียตรุ่นใหม่ๆเช่น T-34/85 ด้วย

ในสมรภูมิแปซิฟิก รถถัง Valentine ถูกใช้งานโดยกองทัพอังกฤษในพม่า ระหว่างการสู้รบในรัฐอาระกัน (Arakan) หรือยะไข่ (Rakhine) นอกจากนี้ยังมีประจำการในกองทัพนิวซีแลนด์ด้วย จะเห็นได้ว่ารถถังรุ่นนี้ถูกใช้งานในทุกแนวรบตลอดสงครามโลกครั้งที่สอง

หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง หลายประเทศยังคงใช้งานรถถัง Valentine ต่อไปอีกหลายปี เช่นนิวซีแลนด์ใช้รถถังรุ่นนี้ในการฝึกจนถึงปี ค.ศ.1960 นอกจากนี้ระหว่างวิกฤตไซปรัสปี ค.ศ.1963 – 1964 ก็มีกลุ่มติดอาวุธชาวกรีกนำตัวรถของรถถัง Valentine ที่ถูกถอดป้อมปืนออก กำลังจะนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ มาติดป้อมปืนโฮมเมดสำหรับปืนกลเบาเบรน (Bren gun)

สวัสดี

14.02.2022

แสดงความคิดเห็น