วิธีระบุรุ่นของรถถัง T-80 ของกองทัพรัสเซีย

รถถังตระกูล T-80 พัฒนาต่อยอดมาจากรถถัง T-64 เป็นรถถังรุ่นที่สองของโลกถัดจากรถถัง Stridsvagn 103 (Strv 103 หรือ S-Tank) ของสวีเดนที่ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ เริ่มเข้าประจำการในกองทัพสหภาพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ.1976 ใช้งานควบคู่กับรถถัง T-72 โดยรถถัง T-80 นั้นแม้โดยรวมจะมีประสิทธิภาพสูงกว่ารถถัง T-72 แต่ก็มีความซับซ้อนและราคาแพง จึงมักมีใช้งานเฉพาะในหน่วยทหารระดับแนวหน้าของโซเวียตเท่านั้น ขณะที่รถถัง T-72 จะมีความซับซ้อนน้อยและราคาถูกกว่า จึงถูกผลิตออกมาจำนวนมาก อย่างไรก็ตามทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ารถถัง T-80 จะเหนือกว่ารถถัง T-72 แบบเทียบกันไม่ติด เพราะรถถัง T-72 รุ่นหลังๆก็ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเติมจนมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ T-80 ในที่สุด ดังนั้นการเปรียบเทียบขีดความสามารถของสองรุ่นนี้จึงต้องมีการระบุรุ่นย่อยให้ชัดเจนว่าใช้รุ่นไหนมาเปรียบเทียบกัน

หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายและกองทัพรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนักในสงครามเชชเนีย (Chechen War) สูญเสียรถถัง T-80 ไปจำนวนมาก (สาเหตุหลักมาจากยุทธวิธีที่ผิดพลาดมากกว่าประสิทธิภาพของรถถัง) กองทัพรัสเซียได้เลือกไปต่อกับรถถัง T-72 และ T-90 เป็นหลัก ขณะที่รถถัง T-80 ทยอยถูกเก็บเข้ากรุ จากจำนวนรถถังประมาณ 2,700 คันที่กองทัพรัสเซียใช้งานอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นรถถังตระกูล T-80 ประมาณ 550 คัน และมีสำรองไว้ในคลังอีกประมาณ 3,000 คัน โดยรถถัง T-80 ของกองทัพรัสเซียจะมีอยู่หลักๆ 3 รุ่นคือ T-80BV, T-80U และ T-80BVM

รถถัง T-80BV

ภาพรถถัง T-80BV ของรัสเซียระหว่างการซ้อมสวนสนามวันแห่งชัยชนะ วันที่ 26 มีนาคม ค.ศ.2020
(Ministry of Defence of the Russian Federation – Mil.ru)

รถถัง T-80BV พัฒนาต่อยอดมาจาก T-80B เข้าประจำการในกองทัพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ.1985 ติดเกราะปฏิกิริยาระเบิด (Explosive reactive armor – ERA) รุ่น Kontakt-1 โดย ERA บริเวณด้านหน้าป้อมปืนจะทำมุมรูปสามเหลี่ยมคล้ายรถถัง T-72AV วิธีแยกรถถัง T-80BV และ T-72AV ให้สังเกตบริเวณป้อมปืน ด้านหลังป้อมปืนของ T-80BV จะมีท่อขนาดใหญ่ติดอยู่ในขณะที่ T-72AV ไม่มี ข้อสังเกตอีกจุดหนึ่งคือตำแหน่งของปืนกลหนักต่อสู้อากาศยานขนาด 12.7 มิลลิเมตร ถ้าเป็นรถถังตระกูล T-80 ปืนกลจะหันไปทางด้านหน้า ในขณะที่รถถังตระกูล T-72 ปืนกลจะหันไปทางด้านหลัง

รถถัง T-80U

ภาพรถถัง T-80U สังกัดกองพลรถถังที่ 4 พิทักษ์รัฐ Kantemirovskaya ของรัสเซีย
(Vitaly Kuzmin – CC BY-SA 4.0)

รถถัง T-80U เข้าประจำการในกองทัพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ.1985 มีระบบป้องกันตัวดีกว่ารถถัง T-80BV เนื่องจากใช้เกราะผลิตจากวัสดุคอมโพสิต เสริมด้วยเกราะ ERA รุ่น Kontakt-5 เป็นรถถังที่ดีที่สุดของโซเวียตสมัยสงครามเย็นคู่กับรถถัง T-72B รุ่นปี 1989 อย่างไรก็ตามรถถัง T-80U มีข้อด้อยคือไม่มีกล้องจับความร้อน (thermal sight) ส่งผลให้ต้องใช้ไฟฉายอินฟราเรดช่วยในการรบเวลากลางคืน ต่อมารัสเซียได้พัฒนารถถัง T-80UE-1 ติดกล้องจับความร้อน ส่งผลให้ไม่ต้องใช้ไฟฉายอินฟราเรดอีก ดังนั้นวิธีการระบุรุ่นรถถัง T-80U และ T-80UE-1 หลังจากดูลักษณะการติดเกราะ ERA แล้วให้ดูว่ามีหรือไม่มีไฟฉายอินฟราเรด

รถถัง T-80BVM

ภาพรถถังหลัก T-80BVM ของรัสเซีย ระหว่างการซ้อมสวนสนามวันแห่งชัยชนะ วันที่ 5 เมษายน 2021
(Ministry of Defence of the Russian Federation – Mil.ru)

หลังจากที่รัสเซียทุ่มเทให้กับรถถังตระกูล T-72, T-90 และต่อมาก็ T-14 Armata อยู่ระยะหนึ่ง ส่งผลให้รถถังตระกูล T-80 แทบไมไ่ด้รับการอัพเกรดเพิ่มเติมเลยตั้งแต่ช่วงยุค 90 สุดท้ายรัสเซียก็หันกลับมาให้ความสนใจรถถังตระกูล T-80 อีกครั้ง เนื่องจากเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์นั้นแม้จะต้องการการบำรุงรักษาสูงและสิ้นเปลืองน้ำมัน แต่มีความเหมาะสมกับพื้นที่เขตหนาวแถบมหาสมุทรอาร์กติกและไซบีเรียมากกว่ารถถังที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล รัสเซียจึงทำการอัพเกรดรถถัง T-80BV เป็นรุ่น T-80BVM เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ.2017 ระหว่างการซ้อมรบร่วมกับเบลารุสชื่อรหัส Zapad-2017 มีการติดตั้งเกราะ ERA รุ่น Relikt ซึ่งสามารถป้องกันหัวรบ Tandem HEAT ได้แทนที่รุ่น Kontakt-1 เดิม และยังมีการเสริมเกราะด้านข้างของตัวรถและเกราะตะแกรงสำหรับป้องกันจรวด RPG บริเวณด้านหลังด้วย ดังนั้นการสังเกตรถถัง T-80BVM ให้ดู ERA บนป้อมปืนและเกราะเสริมด้านข้างเป็นหลัก อย่างไรก็ตามมีรถถัง T-80BVM ของทหารรัสเซียบางหน่วยที่ไม่ได้เสริมเกราะด้านข้าง ดังนั้นจุดที่สังเกตได้ง่ายที่สุดคือป้อมปืน

นี่คือวิธีสังเกตรุ่นของรถถังตระกูล T-80 ของกองทัพรัสเซีย

สวัสดี

02.03.2022

แสดงความคิดเห็น